เอลซัลวาดอร์เร่งผลักดันคริปโต แต่ความร่วมมือกับธนาคารสหรัฐคือกุญแจสู่ความสำเร็จ

เอลซัลวาดอร์พยายามก้าวขึ้นเป็น ‘ซิลิคอนแวลลีย์แห่งละตินอเมริกาด้านคริปโต’ แต่ความสำเร็จของประเทศอาจขึ้นอยู่กับความร่วมมือกับธนาคารสหรัฐ ตามการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญ

เอลซัลวาดอร์เป็นประเทศแรกของโลกที่รับรอง ‘บิตคอยน์(BTC)’ เป็นเงินที่ถูกกฎหมายเมื่อปี 2021 และเดินหน้าซื้อ BTC อย่างต่อเนื่องเป็นทรัพย์สินสำรองของชาติ เพื่อสนับสนุนแนวทางเป็นมิตรกับคริปโต อย่างไรก็ตาม บรรดาธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงประสบปัญหาในการเข้าถึงระบบการเงินแบบดั้งเดิมในประเทศ

เอลโลอิซา คาร์เดนาส หัวหน้าเจ้าหน้าที่นวัตกรรม(CIO) ของโมเนตา(Monetae) แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตในเอลซัลวาดอร์ เปิดเผยว่า แม้รัฐบาลจะสนับสนุนคริปโต แต่ธนาคารท้องถิ่นยังปฏิเสธการเปิดบัญชีให้บริษัทในอุตสาหกรรมนี้ "ธนาคารกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่จะถูกตัดขาดจากระบบการเงินของสหรัฐ" เธอกล่าว

ธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐมีประวัติยาวนานในการหลีกเลี่ยงการทำธุรกรรมกับบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล โดยให้เหตุผลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของกฎระเบียบ อุตสาหกรรมคริปโตเคยวิจารณ์ว่าสำนักงานกำกับดูแลทางการเงินของสหรัฐอาจมีส่วนในการกีดกันบริษัทคริปโตจากการใช้บริการธนาคาร

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศอาจเปลี่ยนไปเนื่องจากแนวโน้มสนับสนุนคริปโตในสหรัฐมีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการคาดการณ์ว่า ‘ประธานาธิบดีทรัมป์’ อาจผ่อนปรนข้อจำกัดด้านการเงินที่มีต่อบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัล "หากทรัมป์กลับมา ธนาคารอาจเข้มงวดน้อยลง" คาร์เดนาสกล่าว

ขณะที่แนวโน้มความร่วมมือระหว่างภาคการเงินและอุตสาหกรรมคริปโตได้รับความสนใจไปทั่วโลก ธนาคารบางแห่งในสหรัฐเริ่มแสดงท่าทีเปิดกว้างมากขึ้น เท็ด พิค ซีอีโอของมอร์แกน สแตนลีย์(Morgan Stanley) กล่าวว่า บริษัทกำลังพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อให้บริการด้านคริปโตอย่างปลอดภัย ด้านไบรอัน มอยนิฮาน ซีอีโอของแบงก์ ออฟ อเมริกา(Bank of America) กล่าวเสริมว่า "หากเกิดความชัดเจนด้านกฎระเบียบ ธนาคารดั้งเดิมอาจเข้ามาในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มตัว"

แม้ว่าเอลซัลวาดอร์จะได้ปรับเปลี่ยนนโยบายบางส่วน เช่น การยกเลิกข้อกำหนดให้ธุรกิจต้องรับชำระเงินเป็น BTC เพื่อรับการสนับสนุนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) แต่รัฐบาลยังคงซื้อ BTC อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลล่าสุดระบุว่าประเทศถือครอง BTC มูลค่าประมาณ 600 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 15% ของทุนสำรองเงินตราต่างประเทศทั้งหมด

การเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตในเอลซัลวาดอร์จึงอาจขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่อกับธนาคารสหรัฐ หากกฎระเบียบเอื้ออำนวยและภาคการเงินยอมรับคริปโตมากขึ้น ระบบการเงินแบบดั้งเดิมและอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลอาจสามารถก้าวไปพร้อมกันได้