บิตคอยน์(BTC) ร่วงแตะ 102,400 ดอลลาร์ท่ามกลางความตึงเครียดตะวันออกกลาง อัลต์คอยน์ร่วงหนัก

ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงแตะระดับ 102,400 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.22 ล้านบาท) ส่งผลให้ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีโดยรวมเผชิญกับการปรับฐานครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่ง ‘อัลต์คอยน์’ หลักหลายตัวตกหนักกว่าบิตคอยน์ สะท้อนถึงภาวะการลงทุนที่ซบเซาลงอย่างชัดเจน

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา บิตคอยน์ปรับตัวลดลงราว 3% ทะลุระดับ 106,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.73 ล้านบาท) ลงมาแตะจุดต่ำสุดที่ 102,400 ดอลลาร์ ก่อนฟื้นตัวเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม บรรดานักวิเคราะห์มองว่าการลดลงครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการพักฐานระยะสั้น แต่สะท้อนถึงแรงเทขายจากนักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

นักวิเคราะห์ในพื้นที่ชี้ว่า ระดับราคาบิตคอยน์รอบนี้ไม่ได้เกิดจากแรงซื้อของนักลงทุนรายย่อยเท่านั้น แต่ยังได้รับแรงหนุนจากกระแสการลงทุนของสถาบันขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม แม้เผชิญช่วงขายทำกำไร ราคาบิตคอยน์ก็ยังคงมี ‘แรงรับด้านล่าง’ อยู่ในระดับที่มั่นคง

ตรงข้ามกับบิตคอยน์ อัลต์คอยน์กลับเผชิญแรงขายหนัก อีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL), คาร์ดาโน(ADA), และดอจคอยน์(DOGE) ต่างปรับตัวลงเกิน 3% ในช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่ลิงก์(LINK), อาวาแลนซ์(AVAX), และบิตคอยน์แคช(BCH) ก็ร่วงลงอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสนใจคือเมื่อตลาดอัลต์คอยน์อ่อนแรง ดัชนี ‘บิตคอยน์โดมิแนนซ์’ หรือการครองส่วนแบ่งตลาดของบิตคอยน์กลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% สะท้อนถึงความแข็งแกร่งเชิงเปรียบเทียบของ BTC ในภาวะวิกฤติ

หนึ่งในปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ตลาดเข้าสู่โหมดเทขายอย่างฉับพลันคือ ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านซึ่งยกระดับขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงและความผันผวนในตลาดหุ้นทั่วโลกเพิ่มขึ้น โดยคริปโตในฐานะ ‘สินทรัพย์เสี่ยง’ จึงถูกกระทบโดยตรง

แม้ภาวะตลาดจะอยู่ในทิศทางลบ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายยังมองในแง่บวก โดยเชื่อว่าการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนสถาบันยังช่วยเสริม ‘แรงหนุนระยะยาว’ ต่อราคาคริปโต อีกทั้งเน้นว่าควรมองภาพรวมระยะกลางถึงยาว มากกว่าจดจ่อกับแรงเหวี่ยงระยะสั้น

ทั้งนี้ เมื่อบิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มเข้าสู่ ‘เฟสใหม่’ ของวัฏจักรตลาดในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ทิศทางข้างหน้าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยใหญ่อย่างความตึงเครียดระดับนานาชาติ สภาพแวดล้อมทางมหภาค และที่สำคัญที่สุดคือการเลือกตั้งสหรัฐในครั้งถัดไป ซึ่งท่าทีของ ทรัมป์ ต่อคริปโตอาจมีบทบาทชี้ชะตาของตลาดอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต