แม็กซ์ ไคเซอร์ชี้ บิตคอยน์(BTC) อาจพุ่งแตะ 800,000 ดอลลาร์ หากตลาดพันธบัตรล่มทั่วโลก

แม็กซ์ ไคเซอร์(Max Keiser) นักลงทุนสายบิตคอยน์(BTC) รายใหญ่ ออกโรงแสดงความเห็นว่า ความเปราะบางของตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกอาจกลายเป็น 'ชนวน' ดันราคาบิตคอยน์พุ่งแรงถึง 800,000 ดอลลาร์ หรือราว 11.12 ล้านบาท โดยอ้างว่า 'อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปี' คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการเงินโลก

เมื่อเร็วๆ นี้ ไคเซอร์ให้สัมภาษณ์กับสื่อคริปโตต่างประเทศว่า “อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น 10 ปี อยู่ที่ระดับ 3.5% หากอัตรานี้สูงขึ้นอีก อาจทำให้โครงสร้างการลงทุนแบบ ‘เอน แคร์รี่ เทรด’ ที่ดำเนินมากว่าสองทศวรรษ พังทลายลง” เขาระบุว่า สถาบันการเงินขนาดใหญ่ทั่วโลก โดยเฉพาะจากวอลสตรีท ต่างอาศัยต้นทุนดอกเบี้ยต่ำในญี่ปุ่นมา 'ไล่เก็บ' สินทรัพย์ความเสี่ยงสูง ซึ่งตอนนี้กำลังเข้าสู่ภาวะอันตราย

ไคเซอร์ยังเตือนว่า หากรัฐบาลญี่ปุ่นจำเป็นต้องขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในปริมาณมากเพื่อนำเงินกลับไปอุดงบประมาณของตน อาจนำไปสู่ ‘วันสิ้นโลกของพันธบัตร’ (bond apocalypse) และกระตุ้นให้กระแสเงินมหาศาลไหลออกจากพันธบัตรไปสู่บิตคอยน์แทน “เมื่อถึงจังหวะนั้น บิตคอยน์อาจพุ่งสู่ 500,000 ถึง 800,000 ดอลลาร์ได้” เขากล่าว

แต่ในอีกมุมหนึ่ง ตลาดคริปโตตอนนี้ยังคงเต็มไปด้วยความผันผวน โดยราคาบิตคอยน์ปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า 103,000 ดอลลาร์ หรือราว 14.31 ล้านบาท ปรับตัวลงประมาณ 4% ภายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เทรดเดอร์นิรนามที่ใช้ชื่อว่า Mr Wall Street ให้ความเห็นว่า “ราคามีแนวโน้มจะปรับฐานลงมาอยู่ที่ช่วง 93,000-95,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 12.92-13.21 ล้านบาท) และกราฟชี้สัญญาณว่าตลาดยังอาจอ่อนแรงต่อเนื่อง”

ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางรายยังคงมองบวก นักวิเคราะห์ชื่อว่า แอกเซล แอดเลอร์ จูเนียร์(Axel Adler Jr.) กล่าวว่าปรากฏการณ์ที่สถานะบังคับขายมีจำนวนมากขึ้นโดยไม่เกิดการเทขายอย่างรุนแรง แสดงให้เห็นว่าฝั่งซื้อยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่นักวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน DeFiTracer ชี้ว่า สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางที่เริ่มคลี่คลาย และคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่าง คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์(Christopher J. Waller) ที่บอกว่ามีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม เป็นปัจจัยบวกที่อาจผลักดันตลาดกลับสู่ช่วง ‘สร้างความเชื่อมั่น’ ได้อีกครั้ง

แม้คำทำนายของไคเซอร์จะยังไม่แน่นอนว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ แต่ด้วยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และบทบาทของบิตคอยน์ในฐานะทรัพย์สินดิจิทัลที่สามารถเป็นทางเลือกต่อระบบการเงินเดิม จึงทำให้ทิศทางตลาดคริปโตในอนาคต ยังคงเป็นที่จับตามองอย่างมาก