ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงแรงอีกครั้งจากความกังวลต่อการขยายตัวของความขัดแย้งในตะวันออกกลาง หลังจากรัฐสภาอิหร่านลงมติเพื่อสนับสนุนการปิดช่องแคบฮอร์มุซ สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อภาวะการเงินทั่วโลก
เมื่อวันที่ 22 (เวลาท้องถิ่น) บิตคอยน์ร่วงลงประมาณ 4% ภายในเวลา 24 ชั่วโมง หลุดระดับ ‘100,000 ดอลลาร์’ (ประมาณ 1.39 ล้านบาท) เป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม โดยตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์ปรับตัวลดลงรวมแล้วประมาณ 5.5%
เบื้องหลังการร่วงลงครั้งนี้คือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยสหรัฐอเมริกาได้ร่วมกับอิสราเอลโจมตีเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านถึง 3 แห่ง และตามมาด้วยการที่รัฐสภาอิหร่านผ่านมติปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญที่มีการขนส่งน้ำมันดิบกว่า 20% ของโลก หากมีการปิดทางเดินเรือนี้จริง ราคาน้ำมันโลกอาจพุ่งสูงขึ้นและเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในระดับโลก
ความไม่แน่นอนในตลาดยังกระจายไปยังสกุลเงินดิจิทัลอื่น โดยราคาของเหรียญทางเลือก (Altcoin) ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงตามกัน ข้อมูลจากโคอินกลาส(CoinGlass) ระบุว่า มูลค่าการถูกล้างพอร์ต (Liquidation) ในครั้งนี้ใกล้แตะระดับ ‘1 พันล้านดอลลาร์’ หรือประมาณ 1.39 แสนล้านบาท
เทรดเดอร์ต่างเร่งขายเพื่อลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความวิตกว่าแรงเทขายจะดำเนินต่อไปนานแค่ไหนและลึกเพียงใด ยังคงกดดันตลาดเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบก็เพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ภายในหนึ่งวัน ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเกิดความวิตกมากขึ้น
ตามธรรมชาติของตลาดคริปโต มักตอบสนองต่อความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ในระดับที่รุนแรง ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันกำลังกลายเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับบิตคอยน์ ในฐานะ ‘ทองคำดิจิทัล’ หรือสินทรัพย์ที่มีเพื่อเก็บมูลค่า ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า ทิศทางของตลาดในระยะต่อไปจะขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการตอบโต้ทางทหารจากสหรัฐ และการดำเนินการปิดช่องแคบฮอร์มุซของอิหร่าน ซึ่งจะเป็น ‘ปัจจัยชี้ชะตา’ ของสภาวะตลาดในระยะสั้น
ความคิดเห็น 0