ศาลสหรัฐปัดคำร้อง SEC–ริปเปิล(Ripple) ขอแก้คำพิพากษา คดี XRP เดินหน้าสู่อุทธรณ์เต็มรูปแบบ

ผู้พิพากษาอานาลิซา ตอร์เรส(Analisa Torres) แห่งศาลแขวงนิวยอร์กใต้มีคำสั่งปฏิเสธคำร้องขอ *แก้ไขคำพิพากษา* (Motion for Indicative Ruling) ซึ่งเสนอโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ(SEC) และบริษัทริปเปิล(Ripple) ร่วมกัน นับเป็นพัฒนาการ ล่าสุดในมหากาพย์คดีความที่ยาวนานเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล *ริปเปิล(XRP)* และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อรูปแบบของการอุทธรณ์ในอนาคตของทั้งสองฝ่าย

คำร้องที่ถูกปฏิเสธมีเป้าหมายเพื่อขอให้ศาลพิจารณาทบทวนคำพิพากษาสุดท้ายบางส่วนที่ประกาศไว้เมื่อเดือนสิงหาคม 2024 ตามบทบัญญัติมาตรา 60(b) ของกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ โดยข้อเสนอหลักคือการ *ลดค่าปรับ* ที่ริปเปิลต้องชำระจาก 125 ล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 50 ล้านดอลลาร์ และการ *ยกเลิกคำสั่งแบนถาวร* ที่ห้ามไม่ให้มีการขาย XRP ให้กับนักลงทุนสถาบัน

อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาตอร์เรสระบุในคำตัดสินว่า คำร้องนี้ไม่มี *เหตุผลพิเศษ* เพียงพอที่จะพิจารณาทบทวนคำพิพากษาเดิม พร้อมระบุว่า “คำตัดสินของศาลต้องยึดประโยชน์สาธารณะเป็นหลักมากกว่าผลประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะ” อีกทั้งยังชี้ว่า SEC ได้เคยกล่าวหาอย่างชัดเจนว่า การกระทำของริปเปิลในอดีตนั้น “*ไร้ความรับผิดชอบและรุนแรงอย่างยิ่ง*” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีน้ำหนักต่อการตัดสินในครั้งนี้

แม้ฝ่ายริปเปิลจะชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ โดยอ้างว่าทาง SEC ได้ถอนฟ้องบริษัทอื่นในวงการคริปโต เช่น คอยน์เบส และคราเคน โดยไม่มีคำตัดสินของศาลหรือการกำหนดโทษใด ๆ แต่ศาลเห็นว่าเหตุการณ์เหล่านั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกับคดีของริปเปิลได้ เนื่องจากบริบทและข้อเท็จจริงแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ

ผู้พิพากษาตอร์เรสยังเสริมว่า ความพยายามในการยื่นคำร้องนี้ดูเหมือนเป็นความพยายามจะ “*ล้มล้างคำพิพากษาเดิมทั้งหมด*” ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ *ความน่าเชื่อถือ* และ *ความชอบธรรม* ของคำตัดสินสุดท้าย นอกจากนี้ ศาลยังไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายเสนอว่า จะยกเลิกกระบวนการอุทธรณ์ก็ต่อเมื่อคำสั่งนี้ได้รับการอนุมัติ โดยชี้ว่าศาล “ไม่มีหน้าที่ต้องยอมรับเงื่อนไขใด ๆ จากคู่ความ”

หลังการตัดสินในครั้งนี้ SEC และริปเปิลอาจต้องกลับเข้าสู่กระบวนการอุทธรณ์ไขว้ที่ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ด้านบิล มอร์แกน(Bill Morgan) ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ให้ความเห็นว่า คำตัดสินครั้งนี้อาจเป็น *จุดเปลี่ยนทางกลยุทธ์* ของริปเปิล โดยมีความเป็นไปได้ว่า บริษัทอาจจำเป็นต้องยอมรับโทษปรับและคำสั่งแบนบางส่วนในอนาคต เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการยืดเยื้อของคดี

ภายหลังข่าวนี้แพร่สะพัด ราคาของริปเปิล(XRP) ร่วงลง 1.6% ภายใน 24 ชั่วโมง สะท้อนให้เห็นถึง *ความไม่แน่นอนทางกฎหมาย* ที่ยังคงกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง นับเป็นอีกก้าวของการต่อสู้ระหว่าง SEC และริปเปิลที่ดูเหมือนจะยังไม่จบลงในเร็ววัน