สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ของไทย เตรียมนำ ‘เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์’ (DLT) มาใช้เพื่อปฏิวัติระบบการซื้อขายโทเคนดิจิทัลและตราสารหนี้
เมื่อวันที่ 4 ตามเวลาท้องถิ่น จอมขวัญ คงสะกูล รองเลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ก.ล.ต. ได้อนุมัติโครงการโทเคนดิจิทัลแล้ว 4 โครงการ และอยู่ระหว่างพิจารณาโครงการเพิ่มเติมอีก 2 โครงการ ซึ่งรวมถึงโทเคนที่เน้นด้านสิ่งแวดล้อมและโทเคนเพื่อการลงทุน
ปัจจุบัน การซื้อขายตราสารหนี้ในประเทศไทยใช้เวลาประมาณ 7-14 วัน หลังจากซื้อในตลาดแรกก่อนที่จะสามารถซื้อขายในตลาดรองได้ นอกจากนี้ ยังมีข้อจำกัดด้านการเข้าถึงผลิตภัณฑ์บางประเภท สภาพคล่องต่ำ และต้นทุนการซื้อขายสูง
DLT จะช่วยลดความไม่มีประสิทธิภาพเหล่านี้ และทำให้กระบวนการซื้อขายง่ายขึ้น โดย ก.ล.ต. ตั้งเป้าที่จะใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อดิจิทัลไลซ์กระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่การซื้อขาย การชำระเงิน การลงทะเบียนนักลงทุน ไปจนถึงการจ่ายเงินปันผล
เป็นที่น่าสนใจว่า บริษัทต่างๆ จะสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน DLT ของตนเองและดำเนินการเชนแยกจากกันได้ ขณะที่ ก.ล.ต. จะกำกับดูแลให้ทุกเครือข่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ สำหรับองค์กรที่ไม่มีบล็อกเชนของตนเอง จะสามารถเข้าถึงเชนสาธารณะที่ดำเนินการโดย ก.ล.ต. ในต้นทุนที่ต่ำกว่า นอกจากนี้ ยังมีแผนพัฒนา 'กรอบมาตรฐาน' เพื่อรับรองความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูลข้ามระบบ DLT ในอนาคต
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ถูกคาดการณ์ว่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินแบบเดิมยังคงอยู่ แต่จะถูกแปลงให้เป็นดิจิทัล ส่งผลให้มี ‘สภาพคล่องที่สูงขึ้น’ และ ‘ต้นทุนการซื้อขายที่ลดลง’ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้เกิด "การซื้อขายในหน่วยย่อย" (Fractional Trading) รวมถึงสามารถทำธุรกรรมแบบเรียลไทม์และชำระเงินได้อย่างรวดเร็ว
ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลไทยกำลังพิจารณาโครงการนำร่องสำหรับการชำระเงินด้วยคริปโตในจังหวัดภูเก็ต เพื่อส่งเสริมการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลภายในปี 2025 พิชัย จุนหะวัจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า "ด้วยความต้องการสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกและปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้เป็นสิ่งจำเป็น"
โครงการนำร่องนี้จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวลงทะเบียนสินทรัพย์ดิจิทัลกับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนในประเทศ และสามารถแปลงเป็นเงินบาทโดยอัตโนมัติ เพื่อนำไปใช้ซื้อขายหรือชำระค่าอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงมีท่าที ‘ไม่สนับสนุน’ ต่อสินทรัพย์ที่ไม่มีศูนย์กลางควบคุม และข้อจำกัดด้านการเข้าถึงแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสำหรับชาวต่างชาติ ยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องจับตา
ความคิดเห็น 0