คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ประกาศจัดตั้ง ‘คณะทำงานพิเศษด้านคริปโต’ เพื่อจัดทำกรอบกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้น สะท้อนถึงท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปจากแนวทางการกำกับดูแลที่เข้มงวดในอดีต
เมื่อวันที่ 5 (เวลาท้องถิ่น) เฮสเตอร์ เพียร์ซ(Hester Peirce) กรรมาธิการของ SEC ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการว่า การจัดตั้งคณะทำงานพิเศษนี้มีเป้าหมายเพื่อลดความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล เพียร์ซ ซึ่งได้รับฉายาว่า ‘Crypto Mom’ เนื่องจากจุดยืนที่เป็นมิตรต่อคริปโต มองว่าคณะทำงานพิเศษจะเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนแนวทางของ SEC จากการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด มาเป็นการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนมากขึ้น
เพียร์ซระบุว่า คณะทำงานชุดนี้จะให้ความสำคัญกับประเด็นหลัก ได้แก่ การแยกแยะว่าสินทรัพย์คริปโตประเภทใดถือเป็นหลักทรัพย์หรือสินค้าโภคภัณฑ์ การปรับปรุงกระบวนการจดทะเบียนของบริษัทคริปโตให้สะดวกขึ้น รวมถึงการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนสำหรับบริการ ‘สเตกกิง’ และ ‘สินเชื่อ’ ซึ่งยังคงเป็นประเด็นถกเถียงว่าควรอยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์หรือไม่
นับตั้งแต่การลาออกของแกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler) ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธาน SEC ท่าทีของหน่วยงานนี้ต่ออุตสาหกรรมคริปโตมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เกนส์เลอร์มีจุดยืนที่แข็งกร้าวในการกำกับดูแลคริปโต โดยพิจารณาว่าสินทรัพย์ดิจิทัลส่วนใหญ่อยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ และเน้นใช้นโยบาย ‘บังคับใช้กฎหมายผ่านกฎระเบียบ’ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของอุตสาหกรรม เพียร์ซให้ความเห็นว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นโยบายเกี่ยวกับคริปโตเป็นเหมือนการเดินทางที่สับสนโดยไม่มีทิศทางที่แน่ชัด แต่ถึงเวลาแล้วที่เราต้องให้ความชัดเจนแก่ตลาด”
นอกจากนี้ เพียร์ซยังกล่าวถึงกระบวนการอนุมัติ ‘กองทุน ETF คริปโต’ โดยระบุว่า หลังจาก SEC อนุมัติ ETF ของบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ในปี 2024 ขณะนี้มีคำขออนุมัติ ETF ของสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ รวมถึงริปเปิล(XRP) โซลานา(SOL) และโดชคอยน์(DOGE) อยู่ระหว่างการพิจารณา อีกทั้งยังมีการหารือเกี่ยวกับการนำ ‘สเตกกิง’ มาเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ ETF ซึ่งคาดว่าแนวทางอย่างเป็นทางการจะออกมาในเร็ว ๆ นี้
ในขณะเดียวกัน แม้การจัดตั้งคณะทำงานพิเศษได้รับการต้อนรับจากอุตสาหกรรมคริปโต แต่ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเตือนว่าการปฏิรูปกฎเกณฑ์ต้องมีความต่อเนื่อง และไม่ใช่แค่คำประกาศเท่านั้น หากอุตสาหกรรมต้องการสร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาว ก็จำเป็นต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายที่เป็นรูปธรรม
ความคิดเห็น 0