บิตคอยน์(BTC) ปรับตัวทะลุระดับ 120,000 ดอลลาร์ในระยะสั้นก่อนจะพลิกกลับมาร่วงต่ำกว่า 117,000 ดอลลาร์ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน โดยดิ่งลงกว่า 4% จากวันก่อนหน้า ขณะเดียวกัน ข้อมูลบนเครือข่ายชี้ให้เห็นสัญญาณ ‘แรงขายระยะสั้น’ ที่เริ่มก่อตัวอย่างชัดเจน
รายงานล่าสุดจากแพลตฟอร์มวิเคราะห์คริปโต ‘คริปโตควอนต์(CryptoQuant)’ ระบุว่า ‘ดัชนีสถานะของนักขุด’ หรือ MPI พุ่งทะลุระดับ 2 อีกครั้ง ซึ่งสะท้อนการเคลื่อนย้ายของบิตคอยน์จากนักขุดไปยังแพลตฟอร์มซื้อขาย ที่ผ่านมาเมื่อดัชนีนี้แตะระดับสูงกว่า 2 มักนำไปสู่ ‘แรงขายขนาดใหญ่’ ซึ่งส่งผลต่อราคาในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม คริปโตควอนต์ให้ *ความคิดเห็น* ว่า หากแรงซื้อจากนักลงทุนกลุ่มอื่นยังแข็งแกร่ง แนวโน้มขาขึ้นในภาพรวมอาจไม่เสียหาย
ขณะเดียวกัน แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ไบแนนซ์ ยืนยันว่า ระหว่างวันที่ 12 ถึง 14 กรกฎาคม มีเงินทุนใหม่ไหลเข้าสุทธิราว 6,000 BTC ถือเป็นการเปลี่ยนทิศทางจากช่วงก่อนหน้าที่มีการไหลออกหรือลดลงอย่างต่อเนื่อง นักวิเคราะห์มองว่า การเคลื่อนไหวนี้อาจไม่ใช่ ‘แรงขายจากความตื่นตระหนก’ แต่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์อย่าง ‘การทำอาร์บิทราจ’, ‘การป้องกันความเสี่ยง’ หรือ ‘การเตรียมธุรกรรมขนาดใหญ่’
เมื่อรวมกระแสเงินไหลเข้าแพลตฟอร์มและแรงขายจากนักขุด ทำให้ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน ‘แกสโนด’ เผยว่า วันที่ผ่านมาเป็นวันที่เกิดการทำกำไรสูงสุดของปี โดยมูลค่ากำไรจากการขายบิตคอยน์แตะ 3.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.86 แสนล้านวอน) โดย *ผู้ถือระยะยาว* หรือ ‘HODLers’ รับรู้กำไรราว 1.96 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 56% ของทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 1.54 พันล้านดอลลาร์ ตกเป็นของนักลงทุนระยะสั้น
*ความคิดเห็น* ที่น่าสนใจคือ การที่กลุ่มผู้ถือยาวเริ่มทยอยขายทำกำไรในระดับราคาสูง สะท้อน ‘การปรับฐานครั้งใหญ่ที่ยังมีสุขภาพดี’ มากกว่าการออกจากตลาดอย่างตื่นตระหนก แม้จะมีความผันผวนสูงแต่ยังพบสัญญาณของเงินทุนใหม่ไหลเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง
สรุปคือ ตลาดคริปโตเวลานี้อยู่ในสถานะ ‘มีปริมาณการซื้อขายสูง’ ทั้งจากฝั่งขายและฝั่งซื้อในเวลาเดียวกัน สถานการณ์เช่นนี้บ่งชี้ว่า แม้จะมีการปรับฐานในระยะสั้น แต่ ‘แนวโน้มระยะกลางถึงยาวยังไม่จบ’ และความหวังใน *แรงดีดกลับ* ของบิตคอยน์ยังคงอยู่
ความคิดเห็น 0