เจพีมอร์แกนเชส(JPM) ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เตรียมลงสนามสเตเบิลคอยน์อย่างจริงจัง หลังเจมี ไดมอน(Jamie Dimon) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวในการประชุมผลประกอบการล่าสุดว่า ธนาคารจะเข้ามามีบทบาทอย่างจริงจังทั้งในด้าน ‘เหรียญดิจิทัลที่มีเงินฝากหนุนหลัง’ และ ‘สเตเบิลคอยน์’ เพื่อรับมือกับ ‘การแข่งขันจากบริษัทฟินเทค’ ที่พยายามเข้ามาแทนที่ระบบการเงินเดิม
แม้ไดมอนจะมองว่าสเตเบิลคอยน์เป็น ‘สินทรัพย์ที่มีอยู่จริง’ แต่ก็แสดงท่าทีสงสัยว่า “ทำไมเราจึงต้องใช้สเตเบิลคอยน์?” อย่างไรก็ตาม เขาระบุชัดเจนว่า “เราร่วมวงเพื่อที่จะเข้าใจมันอย่างแท้จริงและบริหารจัดการมันได้ดี” ปัจจุบัน เจพีมอร์แกนมี ‘JPM คอยน์’ เป็นโทเคนดิจิทัลในเครือข่ายภายในของตัวเองอยู่แล้ว และตอนนี้กำลังก้าวสู่โลกของสเตเบิลคอยน์ในวงกว้างมากขึ้น
ในวันเดียวกัน ซีตี้กรุ๊ปก็เปิดเผยแผนเตรียมออกเหรียญสเตเบิลคอยน์ด้วยเช่นกัน โดยเจน เฟรเซอร์(Jane Fraser) ซีอีโอของซีตี้กรุ๊ปกล่าวว่า บริษัทกำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาเปิดตัวเหรียญ 'ซิตี้คอยน์' เพื่อขับเคลื่อนการชำระเงินดิจิทัล โดยชี้ว่า “สินทรัพย์ที่ออกโดยมีเงินฝากรับรองแบบโทเคนคือโอกาสสำคัญที่สุดของเราในตอนนี้”
การแข่งขันด้าน ‘สเตเบิลคอยน์ระหว่างธนาคารรายใหญ่’ ได้ยกระดับอย่างชัดเจนในปี 2025 ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤษภาคม The Wall Street Journal รายงานว่า เจพีมอร์แกน, แบงก์ออฟอเมริกา, ซีตี้กรุ๊ป และเวลส์ฟาร์โก กำลังหารือเพื่อ ‘ออกสเตเบิลคอยน์ร่วมกัน’ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญท่ามกลางการจัดระเบียบกฎเกณฑ์สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล
ล่าสุดวุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่าน ‘ร่างกฎหมาย GENIUS’ ที่ควบคุมการออกสเตเบิลคอยน์และหน่วยงานผู้ออกเหรียญ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนฯ โดย *ประธานาธิบดีทรัมป์* ได้ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ด้วยการสนับสนุนให้กฎหมายฉบับนี้ “ผ่านทันที” เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่สภาคองเกรสเข้าสู่ ‘สัปดาห์แห่งคริปโต’ ก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยกล่าวย้ำถึง ‘สเตเบิลคอยน์ในฐานะเครื่องมือยุทธศาสตร์เพื่อรักษาอำนาจของเงินดอลลาร์’ มาโดยตลอด
ปัจจุบัน มูลค่าตลาดรวมของสเตเบิลคอยน์อยู่ที่ *2.58 แสนล้านดอลลาร์* หรือราว *359.2 ล้านล้านวอน* เพิ่มขึ้นประมาณ 58% จากวันที่ 16 กรกฎาคม 2024 ซึ่งอยู่ที่ *1.633 แสนล้านดอลลาร์* (ประมาณ *227.9 ล้านล้านวอน*) สะท้อนการเติบโตอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมนี้
*ความคิดเห็น*: เมื่อพิจารณาจากการปรับท่าทีของทั้งธนาคารขนาดใหญ่และรัฐบาลสหรัฐ สเตเบิลคอยน์อาจก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินหลักของโลกในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0