SEC อาจทบทวนคดี ‘คอยน์เบส(COIN)’ หลังขยายเวลาดำเนินการ 28 วัน

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) อาจนำคดีความกับ ‘คอยน์เบส(COIN)’ เข้าสู่ช่วงใหม่ หลังจากที่ SEC ได้จัดตั้ง ‘ทีมงานพิเศษด้านคริปโต’ ซึ่งทำให้เกิดการวิเคราะห์ว่าข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลและภาคอุตสาหกรรมอาจได้รับการปรับแนวทางใหม่

เมื่อวันที่ 17 อดีตหัวหน้ากองบังคับใช้ทางอินเทอร์เน็ตของ SEC อย่าง ‘จอห์น รีด สตาร์ก(John Reed Stark)’ ได้ออกมาให้ความเห็นผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่าการที่ SEC ขยายเวลาตอบสนองต่อคดีของ ‘คอยน์เบส’ ออกไปอีก 28 วัน อาจเป็นสัญญาณว่าคดีนี้กำลังจะสิ้นสุดลง เขาให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การขอขยายเวลาดังกล่าวบ่งชี้ว่า SEC กำลังอยู่ในช่วงพิจารณาแนวทางใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับคริปโต

ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว SEC ได้ดำเนินคดีต่อ ‘คอยน์เบส’ โดยกล่าวหาว่าบริษัทดำเนินธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และตลาดแลกเปลี่ยนโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่ทาง ‘คอยน์เบส’ โต้แย้งว่าการซื้อขายคริปโตไม่อยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ สตาร์กยังระบุว่าคดีของ ‘ไบแนนซ์(BNB)’ ที่ SEC ฟ้องร้องไว้อาจมีแนวโน้มเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีรายงานว่าทั้ง SEC และทีมกฎหมายของ ‘ไบแนนซ์’ ได้ยื่นเอกสารร่วมกันซึ่งกล่าวถึง ‘แผนงานของทีมงานพิเศษด้านคริปโต’ ที่อาจช่วยเร่งกระบวนการยุติคดี

ทีมงานพิเศษด้านคริปโตของ SEC ได้เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังในช่วงที่ ‘ประธานาธิบดีทรัมป์’ อยู่ในตำแหน่ง และมี ‘เฮสเตอร์ เพียร์ซ(Hester Peirce)’ กรรมาธิการที่มีท่าทีสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นผู้นำทีม กลุ่มนี้ได้มีการหารือกับบุคคลสำคัญในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับแนวทางกฎระเบียบของ ‘ตลาดคริปโต’ เช่น แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน กองทุน ETF โบรกเกอร์-ดีลเลอร์ และบริการสเตกกิ้ง

สมาคมบล็อกเชน(Blockchain Association) ซึ่งเป็นตัวแทนอุตสาหกรรมคริปโต ได้เรียกร้องให้ SEC ปรับแก้การตีความที่ผิดพลาดเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และออกแนวปฏิบัติที่ชัดเจนขึ้น รายงานเพิ่มเติมระบุว่าบริษัทชั้นนำอย่าง ‘แนสแด็ก(NDAQ)’, ‘อันเดรสเซน โฮโรวิตซ์(A16Z)’ และ ‘มัลติคอยน์ แคปิตอล(Multicoin Capital)’ ก็เข้าร่วมการสนทนาครั้งนี้

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับนโยบายด้านกฎระเบียบคริปโต อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความแน่ชัดว่า SEC จะถอนฟ้องคดีความเก่าทั้งหมด หรือจะพัฒนาแนวทางกำกับดูแลใหม่โดยคงบางส่วนไว้