**ทรัมป์ลงนามรับร่างกฎหมายสเตเบิลคอยน์ สร้างหมุดหมายใหม่สำหรับอุตสาหกรรมคริปโตสหรัฐฯ**
ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามรับรอง *กฎหมายส่งเสริมนวัตกรรมสเตเบิลคอยน์แห่งสหรัฐอเมริกา (GENIUS Act)* อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 28 (เวลาท้องถิ่น) ส่งสัญญาณการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในทิศทางการกำกับดูแลสกุลเงินดิจิทัลของประเทศ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของรัฐบาลในการสร้างกรอบนโยบายที่เอื้อต่อการเติบโตของเทคโนโลยีบล็อกเชนและระบบการเงินทางเลือก
งานลงนามจัดขึ้นที่ทำเนียบขาว นอกจากรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์และไมก์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ยังมีผู้บริหารวงการคริปโตเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก เช่น เดวิด ริปลีย์ ซีอีโอร่วมของคราเคน, คาเมรอนและไทเลอร์ วิงเคิลวอส ผู้ร่วมก่อตั้งเจมิไน, ไบรอัน อาร์มสตรอง ซีอีโอของคอยน์เบส, เจเรมี อัลเลอร์ ซีอีโอของเซอร์เคิล, เปาโล อาร์โดอีโน ซีอีโอของเทเธอร์ และวลาดิเมียร์ เทเนฟ ซีอีโอของโรบินฮู้ด
ทรัมป์ได้ยกย่องบุคคลเหล่านี้ว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญต่อการสนับสนุนระบบนิเวศและผลักดันนวัตกรรมทางเทคโนโลยีทางการเงิน พร้อมเน้นย้ำว่ากฎหมายฉบับนี้มุ่งสร้าง ‘แนวทาง’ การออกและบริหารสเตเบิลคอยน์ในสหรัฐฯ อย่างชัดเจน ตลอดจนบูรณาการการกำกับดูแลระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐต่าง ๆ เพื่อลดความเสี่ยงระบบ ขณะเดียวกันก็ไม่ปิดกั้นนวัตกรรม
*ความคิดเห็น:* การเดินหน้าของทรัมป์ในครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นหมุดหมายสำคัญของนโยบายคริปโตในสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นตัวเร่งให้แนวคิดการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในระบบการเงินกระแสหลักเดินหน้าเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
**Z เจนใช้จ่ายคริปโตในชีวิตประจำวัน ขณะที่ Gen X นำการใช้จ่ายมูลค่าสูง**
ภาพรวมของพฤติกรรมการใช้คริปโตในชีวิตประจำวันเริ่มเปลี่ยนไปชัดเจนมากขึ้น โดยไม่จำกัดอยู่แค่การลงทุน ล่าสุด ผลสำรวจโดยกระเป๋าเงินดิจิทัล *บิตเกต วอลเล็ต(Bitget Wallet)* เปิดเผยว่า จากผู้ตอบแบบสอบถาม 4,599 คนทั่วโลก พบว่า *36% ของผู้ใช้ในกลุ่ม Gen Z ใช้คริปโตในกิจกรรมประจำวัน เช่น การเดินทางและการจับจ่าย* เป็นประจำทุกวัน
กลุ่มหมวดหมู่ที่คริปโตมีการใช้งานสูงสุดคือ *เกม (39%)* และ *บริการทั่วไป เช่น การจองท่องเที่ยวและส่งอาหาร (36%)* ขณะที่กลุ่มที่มีศักยภาพกำลังซื้อสูงอย่าง Gen X มีส่วนร่วมในธุรกรรมมูลค่าสูง *กว่า 40% ครอบคลุมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์, สินทรัพย์ดิจิทัล และการท่องเที่ยว*
ข้อมูลนี้สะท้อนว่า สกุลเงินดิจิทัลเริ่มถูกยอมรับมากขึ้นในเชิงการใช้งานจริง โดยไม่จำกัดอยู่เฉพาะผู้ที่ชอบเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ใหญ่ที่ต้องการทางเลือกในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันด้วย
*ความคิดเห็น:* ผลสำรวจชิ้นนี้กลายเป็นตัวบ่งชี้สำคัญในการกำหนด ‘กลยุทธ์พัฒนาแพลตฟอร์ม’ ของอุตสาหกรรมคริปโตในอนาคต โดยเฉพาะการขยายบริการเพื่อเจาะกลุ่มผู้ใช้งานที่มีพฤติกรรมและจุดประสงค์ต่างกันตามช่วงวัย
**เดฟ พอร์ตนอยขายริปเปิล(XRP) ก่อนพุ่ง 19% ย้อนมองขาดทุน 'น้ำตาไหล'**
เดฟ พอร์ตนอย ผู้ก่อตั้งแบรนด์สื่อ ‘Barstool Sports’ ยอมรับว่าเสียใจเป็นอย่างมากที่ตัดสินใจขาย *ริปเปิล(XRP)* ทั้งหมดก่อนที่ราคาจะพุ่งขึ้นอย่างแรง โดยเขายืนยันว่าเพิ่งขาย XRP ไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ก่อนที่ราคาจะทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบปี
ก่อนขายออก พอร์ตนอยระบุว่า เขาขาย XRP ที่ราคา *2.40 ดอลลาร์ (ราว 3,336 บาท)* เนื่องจากเชื่อคำแนะนำของคนใกล้ชิดว่า ‘เซอร์เคิลอาจเป็นคู่แข่งที่ดีกว่า’ จึงไม่มั่นใจในศักยภาพของ XRP อย่างไรก็ตาม ราคาของ XRP กลับพุ่งทะยานขึ้น *19.61% ภายใน 24 ชั่วโมง แตะ 3.60 ดอลลาร์ (ประมาณ 5,004 บาท)* ทำให้เจ้าตัวโพสต์ผ่านโซเชียลว่า "ตอนนี้แค่อยากร้องไห้"
นอกจากนี้ พอร์ตนอยยังกล่าวติดตลกว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็น ‘ผู้นำ’ ของกลุ่มสนับสนุน XRP ซึ่งยิ่งตอกย้ำถึงความรู้สึกขัดแย้งในตัวเองจากจังหวะการลงทุนที่ผิดพลาดครั้งนี้
*ความคิดเห็น:* กรณีของพอร์ตนอยเป็นตัวอย่างคลาสสิกของ ‘โอกาสที่สูญหาย’ หรือ Opportunity Cost ในตลาดคริปโตที่มีความผันผวนสูง ความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อยอาจหมายถึงการขาดทุนเป็นหลักล้าน และยังเน้นให้เห็นถึงอารมณ์ความรู้สึกที่มีบทบาทในการตัดสินใจในตลาดนี้เป็นอย่างมาก
ความคิดเห็น 0