ตลาดคริปโตกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังสถิติ ‘จำนวนธุรกรรมรวม’ บนบล็อกเชนสาธารณะและเครือข่ายเลเยอร์ 2 พุ่งทะลุ 340 ล้านรายการในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็น ‘สถิติสูงสุดตลอดกาล’ ถือเป็นสัญญาณบวกที่อาจช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ซบเซามาหลายเดือนก่อนหน้านี้
เบื้องหลังความเคลื่อนไหวอย่างดุดันครั้งนี้คือโซลานา(SOL)และบีเอ็นบีเชน โดยอ้างอิงจากข้อมูลของแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง Dune พบว่า *โซลานาครองสัดส่วนธุรกรรมมากถึง 59.46%* ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง ขณะที่บีเอ็นบีเชนตามมาอันดับสองที่ 18.76% ส่วนทรอน(TRX) ทำได้ 4.68% รั้งอันดับสาม
กิจกรรมที่คึกคักบนโซลานาถูกขับเคลื่อนโดยแพลตฟอร์มมิมคอยน์ชื่อดังอย่าง ‘LetsBonk’ และ ‘Pump.fun’ โดยเฉพาะ Pump.fun ที่สามารถระดมทุนผ่าน ICO ได้ถึงประมาณ 6,950 พันล้านวอนภายในเวลาเพียง 12 นาที เรียกเสียงฮือฮาในวงการอย่างมาก
ขณะที่ในด้านโครงสร้าง *บีเอ็นบีเชนยังเป็นเครือข่ายที่มีระบบนิเวศของดีแอป (DApp) มากที่สุด* ตามรายงานของ Bitget โดยระบุว่าแม้เครือข่ายอื่นจะเติบโต แต่ BNB ยังคงดึงดูดทั้งนักพัฒนาและผู้ใช้งานได้อย่างเหนียวแน่น ฝั่งทรอนเองก็เร่งบทบาทในภาคการชำระเงินระดับโลก โดยสามารถประมวลผลธุรกรรม USDT ได้มากกว่าอีเธอเรียม(ETH) ถึง 5 เท่า
ข้อมูลจาก Token Terminal ยังเผยว่า โซลานา, บีเอ็นบีเชน และทรอน *ติดอันดับท็อป 10 บล็อกเชนที่มีผู้ใช้งานรายวันมากที่สุด* สะท้อนว่าแต่ละเครือข่ายมี ‘พื้นฐานของผู้ใช้งานจริง’ รองรับระบบนิเวศที่ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว
นอกจากนี้ โซลานายังได้รับความสนใจในตลาดอนุพันธ์ โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ‘ETF สเตกกิ้งของโซลานา’ ได้เปิดซื้อขายในสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าธุรกรรมสัปดาห์แรกสูงถึง 45.8 พันล้านวอน อีกทั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ยังได้ขอเอกสารเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการอนุมัติ ETF แบบสปอตโซลานา ซึ่งอาจเป็นก้าวแรกในการเข้าตลาด
ด้านบีเอ็นบีเชนเองก็ได้เฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 8 ปีของการเปิดตัวโทเคน BNB ซึ่งสร้างผลตอบแทนสะสมสูงถึงกว่า *10,000 เท่า* ขณะที่ทรอนยังคงขยายบทบาทในเวทีนโยบาย พบปะผู้กำหนดนโยบายในสหรัฐฯ เพื่อผลักดันการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในภาครัฐ
การที่ตัวเลขธุรกรรมพุ่งสูงในหลายเครือข่ายคราวนี้ ไม่เพียงแสดงถึง ‘การแข่งขัน’ ที่ดุเดือดระหว่างกลุ่มโปรเจกต์ แต่ยังสะท้อนถึง ‘ความเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ’ ของอุตสาหกรรมโดยรวม แม้จะถูกมองว่าได้รับแรงหนุนจากกระแสชั่วคราวของมิมคอยน์ แต่ *ปริมาณกิจกรรมและการเคลื่อนไหวในเชิงนโยบาย* ที่เกิดขึ้นจริงบนเครือข่าย ชี้ชัดว่าโอกาสการเติบโตในระยะยาวยังคงแข็งแกร่งอยู่
ความคิดเห็น 0