บิตคอยน์(BTC) อาจพุ่งแตะระดับ 141,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 19.59 ล้านบาท) หากสามารถทะลุกรอบแนวต้านในระยะสั้นได้อย่างชัดเจน จากการวิเคราะห์ล่าสุดของบริษัทวิจัยข้อมูลออนเชนอย่าง Glassnode เมื่อวันที่ 24 รายงานว่า ขณะนี้บิตคอยน์เคลื่อนไหวอยู่ภายในกรอบราคา 105,000 ถึง 125,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.59 - 17.37 ล้านบาท) ซึ่งหากหลุดจากกรอบนี้ไปในทิศทางบวก ก็มีโอกาสเคลื่อนไหวไปยังแนวต้านถัดไปที่สูงขึ้น
ตัวชี้วัดสำคัญในการวิเคราะห์ครั้งนี้ คือ ‘ต้นทุนเฉลี่ยของผู้ถือครองระยะสั้น’ หรือ STH ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 105,400 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.62 ล้านบาท) โดยระดับราคานี้มักจะกลายเป็นแนวรับหรือแนวต้านสำคัญของตลาดในระยะสั้น
ทาง Glassnode ยังระบุว่า บริเวณแนวต้านด้านบนของค่าใช้จ่ายผู้ถือครองระยะสั้นที่ระดับ 125,100 ดอลลาร์ (ประมาณ 17.38 ล้านบาท) เป็นจุด ‘ภาวะร้อนแรงของแรงขาย’ ซึ่งราคากำลังอยู่ในช่วงทดสอบแนวต้านนั้นอย่างต่อเนื่องโดยยังไม่สามารถทะลุผ่านได้ อย่างไรก็ตาม หากสามารถฝ่าแนวต้านนี้ จะมีแนวโน้มที่จะพุ่งไปยังแนวต้านถัดไปที่อยู่บริเวณ 141,600 ดอลลาร์ (ประมาณ 19.69 ล้านบาท)
รายงานยังชี้ให้เห็นว่า แม้จะเกิดการขายทำกำไรของบิตคอยน์ครั้งใหญ่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนักลงทุนจาก Galaxy Digital ได้เทขายบิตคอยน์มูลค่ารวมกว่า 9,600 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.33 ล้านล้านบาท) แต่ตลาดก็สามารถรับแรงกระแทกได้ ตัวอย่างคือราคาบิตคอยน์ที่ร่วงลงมาแตะ 115,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.98 ล้านบาท) แต่สามารถฟื้นกลับมายืนที่ 118,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.40 ล้านบาท) ได้อีกครั้ง ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของสภาพคล่องในตลาด
สิ่งที่น่าสนใจคือ กำไรขาดทุนที่เกิดขึ้นจริงในวันนั้น (Net Realized P/L) พุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 3,700 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 514.3 พันล้านบาท) โดยเฉพาะในหมวดกำไร พบว่า ‘กำไรสุทธิ’ สูงกว่าการขาดทุนถึง 571 เท่า ซึ่งระดับความต่างเช่นนี้เกิดขึ้นเพียงใน 1.5% ของวันซื้อขายทั้งหมดเท่านั้น
แม้กำไรที่เกิดขึ้นจะบ่งชี้ถึงโอกาสในการพักฐานระยะสั้น แต่ Glassnode ให้ความเห็นว่าการพักฐานไม่จำเป็นต้องหมายถึงจุดสูงสุดในระยะสั้นเสมอไป โดยที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่ราคาทำจุดสูงสุดใหม่หลังผ่านช่วงพักตัวมาแล้ว
ในขณะเดียวกัน รายงานยังเผยว่าผู้ถือครองระยะยาวมีกำไรจริงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 347.5 พันล้านบาท) ซึ่งสะท้อนถึงการขายทำกำไรที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม มีเพียง 3% ของบิตคอยน์ที่ถือครองเท่านั้นที่อยู่ในสถานะขาดทุน โดยรวมแล้ว บิตคอยน์ที่ยังไม่ได้ขายนั้นมีมูลค่ากำไรสะสมมากกว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,946 ล้านล้านบาท)
ในส่วนของการถือครองโดยนักลงทุนระยะยาวยังอยู่ที่ประมาณ 53% ของเครือข่ายบิตคอยน์ทั้งหมด ซึ่งเป็นข้อมูลที่แสดงถึงความเสถียรของตลาด แต่อาจหมายถึง ‘แรงขายใหม่’ ที่อาจเกิดขึ้นหากราคาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง
สำหรับค่าเฉลี่ยต้นทุนของผู้ถือครองระยะสั้นอยู่ในช่วง 110,000 - 117,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.29 - 16.26 ล้านบาท) ซึ่งอาจมีบทบาทเป็นแนวรับสำคัญของตลาด
อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงของการขึ้นสู่แนวต้าน 141,000 ดอลลาร์จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบิตคอยน์สามารถทะลุและยืนเหนือระดับ 125,000 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง มิฉะนั้น พฤติกรรมราคาในกรอบเดิมยังคงมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไปตามเดิม ความเห็นของนักวิเคราะห์หลายฝ่ายระบุว่า ตลาดกำลังอยู่ในช่วงทดสอบที่สำคัญ และแนวโน้มระยะสั้นจะขึ้นอยู่กับแรงซื้อที่ตามเข้ามาสนับสนุนในช่วงราคาดังกล่าว
ความคิดเห็น 0