ดัชนี ‘Coinbase Premium Index’ ที่มักใช้สะท้อนความต้องการซื้อบิตคอยน์(BTC) ของนักลงทุนสหรัฐ กลับมาอยู่ในแดนลบอีกครั้งในรอบเกือบสองเดือน สภาพเช่นนี้ชี้ถึงแรงซื้อในตลาดสหรัฐที่เริ่มอ่อนแรงลง โดยดัชนีดังกล่าวเปรียบเทียบส่วนต่างราคาระหว่างบิตคอยน์/ดอลลาร์(BTC/USD) บนเว็บเทรด ‘Coinbase’ กับบิตคอยน์/เทเธอร์(BTC/USDT) บน ‘Binance’ ซึ่งล่าสุดได้ปรับตัวติดลบหลังจากที่ตัวเลขฝั่งบวกยาวนานถึง 62 วันนับตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา
การเปลี่ยนแปลงของดัชนีครั้งนี้เกิดขึ้นทันทีหลังจากช่วงเวลา 94 วันที่ดัชนีเคยบวกติดกัน ทำสถิติยาวนานที่สุด โดยหลายฝ่ายมองว่าเป็นสัญญาณหนึ่งที่เผยให้เห็นว่า ‘แรงซื้อจากสถาบัน’ อาจกำลังถึงจุดสูงสุดแล้ว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บนเชนอย่าง บอริส เวสต์(Boris Vest) เตือนว่าไม่ควรรีบสรุปว่าเป็นการแสดงถึงการชะลอตัวของตลาดโดยรวม เพราะข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ‘อัตราส่วนการซื้อขายของ Taker’ ลดลงไปอยู่ที่ 0.9 ซึ่งหมายถึงฝั่งผู้ทำตลาดกำลังเทขายอย่างโดดเด่นในช่วงนี้
แม้แรงขายจะเพิ่มขึ้น แต่ราคาบิตคอยน์ยังคงทรงตัวได้อย่างแข็งแกร่งเหนือระดับ 115,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.6 ล้านบาท) แสดงถึงการมีอยู่ของแรงซื้อจากรายใหญ่ที่เข้ามารองรับ ‘คำสำคัญ’ ตรงจุดนี้คือ นักลงทุนประเภทที่เข้าซื้อแบบไม่เร่งรีบหรือตามกระแส ได้แก่ กองทุนหรือสถาบัน ซึ่งการเคลื่อนไหวแบบนี้ช่วยเสริมความเชื่อมั่นว่าแนวโน้มขาขึ้นระยะกลางถึงยาวยังมีโอกาสต่อเนื่อง
ขณะที่ตลาดฟิวเจอร์สบิตคอยน์ยังอยู่ในภาวะ ‘เป็นกลาง’ โดยดูจาก ‘อัตราดอกเบี้ยการระดมทุน (Funding Rate)’ ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 0.01 ซึ่งไม่ชี้ชัดว่ามีกลุ่มใดได้เปรียบ เป็นสัญญาณว่าแรงซื้อ-ขายผ่านเลเวอเรจยังสมดุลกัน และ ‘ความคิดเห็น’ ของนักวิเคราะห์บางรายก็ชี้ว่าตลาดอาจกำลังเตรียมตัวเลือกทิศทางครั้งสำคัญในไม่ช้า
แม้การที่ดัชนีกลับมาเป็นลบจะทำให้นักลงทุนบางส่วนกังวลว่า ผู้เล่นในสหรัฐเริ่มนิ่งเฉยต่อสินทรัพย์ดิจิทัล แต่เมื่อเทียบกับโครงสร้างตลาดโดยรวมและกระแสเงินระดับโลกแล้ว ความคาดหวังในเรื่องของ ‘การปรับฐานเพียงระยะสั้น’ ยังคงมีน้ำหนักมากกว่า ดังนั้น ความสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มราคาบิตคอยน์จึงอยู่ที่ว่า พลังซื้อจะเปลี่ยนจากสหรัฐสู่ตลาดโลกหรือไม่ และตลาดจะเลือกเส้นทางใหม่อย่างไรในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0