นักวิเคราะห์ชี้การรีแบรนด์ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ สู่ทรรศนะนักลงทุนดั้งเดิม ดันเงินทุนสถาบันไหลเข้าไม่หยุด
แมตต์ โฮแกน(Matt Hougan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทจัดการสินทรัพย์ Bitwise เผยในบทสัมภาษณ์กับ Cointelegraph เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า การนำเสนอ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นสำหรับนักลงทุนสายดั้งเดิม ได้ช่วยขยายการรับรู้ ทำให้เกิดเงินทุนจากสถาบันไหลเข้าสู่ระบบและส่งเสริมการเติบโตของระบบนิเวศอย่างมีนัยสำคัญ
โฮแกนระบุว่า อุปสรรคสำคัญที่ทำให้นักลงทุนจากการเงินดั้งเดิมไม่กล้าเข้ามายัง ETH ตลอดหลายปีที่ผ่านมา คือ *ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า ETH คือสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้หรือไม่* โดยกล่าวว่า “หากดูเฉพาะตัว ETH จะไม่มีใครตอบได้แน่ชัดว่ามันเป็นที่เก็บมูลค่าหรือเป็นเพราะกลไกการเผาเหรียญ หรือเพราะผลตอบแทนจากสเตกกิ้ง”
อย่างไรก็ดี โฮแกนกล่าวว่า หากนำ ETH มาสเตกในระดับองค์กร เช่น *ลงทุน ETH มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.39 หมื่นล้านบาท) โดยให้ผลตอบแทนกลับคืนในลักษณะดอกเบี้ยหรือลาภผล — ก็จะคล้ายกับ ‘ธุรกิจที่สร้างรายได้’ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนคุ้นเคยเป็นอย่างดี* ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเข้าใจและความมั่นใจได้มากขึ้น
แนวโน้มการลงทุนจากสถาบันใน ETH มีความชัดเจนและเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลัง แสดงให้เห็นว่า อีเธอเรียมซึ่งเคยอยู่ในฐานะเพียงแค่เหรียญสำหรับชุมชนอินเทอร์เน็ต ได้กลายเป็นสินทรัพย์ที่โลกการเงินภาคสถาบันเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นอย่างแท้จริง นับจากเปิดตัวเมนเน็ตครั้งแรกในปี 2015
อย่างไรก็ตาม โฮแกนได้เตือนว่า *การเติบโตขององค์กรที่มี ETH เป็นฐาน อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงทางการเงิน* โดยเฉพาะหากบริษัทเหล่านี้ออกพันธบัตรองค์กรหรือเพิ่มทุนเป็นรอบ ๆ ด้วย ETH โดยไม่มีการบริหารหนี้และต้นทุนดอกเบี้ยอย่างเคร่งครัด ก็อาจนำไปสู่การกู้เกินตัวและมีความเสี่ยงล้มละลายแบบโดมิโน
ทั้งนี้ สำหรับองค์กรที่เข้าซื้อ ETH เพียงบางส่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ โฮแกนย้ำว่า *“เวลา” คือทรัพย์สินสำคัญ* โดยกล่าวเพิ่มเติมว่า “ความผันผวนตลาดระยะสั้นสามารถทำลายกลยุทธ์การลงทุนที่ตั้งเป้าหมายในช่วงเวลาสั้นได้อย่างสิ้นเชิง” พร้อมขีดเส้นใต้ว่า *การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่าง ETH จำเป็นต้องยึดมุมมองระยะยาวเป็นหลัก*
ความคิดเห็น 0