ความสนใจของนักลงทุนสถาบันต่อกองทุนรวมอีเธอเรียมแบบซื้อขายในตลาด(ETF) กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างมากในเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้ตลาดได้รับ ‘แรงขับเคลื่อนขาขึ้น’ อย่างชัดเจน โดยข้อมูลระบุว่า ETF ของอีเธอเรียม(ETH) มีเงินทุนไหลเข้าสุทธิถึง 5.41 พันล้านดอลลาร์ (ราว 7.5 แสนล้านวอน) ภายในระยะเวลาเพียงเดือนเดียว ซึ่งมากกว่าจำนวนเงินไหลเข้ารวมของ 11 เดือนก่อนหน้า
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับการครบรอบ 10 ปีของ *การกำเนิดอีเธอเรียม* ซึ่งกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการ จากที่ ETF นี้ถูกเปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 และเริ่มต้นด้วยการไหลออกสุทธิ 483 ล้านดอลลาร์ แต่ภายในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกันเริ่มเห็นสัญญาณบวก โดยมีเงินไหลเข้าเกินพันล้านดอลลาร์ติดต่อกัน และหลังจากมีการชะงักเล็กน้อยในช่วงต้นปี 2025 ก็กลับมาพุ่งแรงอีกครั้งในเดือนเมษายน ก่อนจะสร้างสถิติสูงสุดในเดือนกรกฎาคม
วงการตลาดมองว่าเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจาก *นักลงทุนสถาบัน* ครั้งนี้ สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อมุมมองของ ETH อย่างชัดเจน โดย ETF จากแบล็คร็อกอย่าง ETHA ปัจจุบันมีขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหารถึง 11.39 พันล้านดอลลาร์ (ราว 15.8 ล้านล้านวอน) ขณะที่ ETF จากเกรย์สเกลอย่าง ETHE ก็เริ่มฟื้นตัวหลังจากที่เคยมีเงินไหลออกไปรวม 4.31 พันล้านดอลลาร์ รวมสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้งหมดจาก ETF ที่เกี่ยวข้องกับอีเธอเรียมอยู่ที่ 21.61 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็นประมาณ 4.75% ของมูลค่าตลาดรวมของ ETH
ราคาอีเธอเรียมก็ปรับตัวขึ้นตามแรงซื้อจาก ETF โดยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ETH พุ่งขึ้น 19.6% และล่าสุดเคลื่อนไหวที่ระดับ 3,786 ดอลลาร์ ส่วนในช่วงเดือนเดียวกัน ราคาปรับขึ้นถึง 53.3% จาก 2,470 ดอลลาร์ไปแตะระดับสูงสุดชั่วคราวที่ 3,933 ดอลลาร์ ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย
แม้บางฝ่ายอย่าง QCP แคปิตอลจะแสดงความกังวลถึง *แรงต้านระยะสั้นที่ระดับ 4,000 ดอลลาร์* จากภาวะร้อนแรงในตลาดอนุพันธ์ แต่กระแสเงินทุนอย่างต่อเนื่องจาก ETF ยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนขาขึ้นในระยะยาว หากยังรักษาทิศทางเช่นนี้ไว้ได้ *ระดับสูงสุดตลอดกาล* ที่ 4,878 ดอลลาร์ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2021 ก็มีแนวโน้มถูกท้าทาย
การไหลเข้าของเงินทุนใน ETF ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ โดยเฉพาะในด้าน *กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงของสถาบันการเงิน* ที่เคยเน้นหนักเฉพาะไปที่บิตคอยน์(BTC) กำลังเริ่มเบนความสนใจมาที่อีเธอเรียมแทน ทำให้ ETH มีโอกาสมากขึ้นในการเป็นแกนนำของตลาดขาขึ้นแบบ *อัลท์คอยน์นำตลาด* ซึ่งนักวิเคราะห์หลายฝ่ายกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0