บิตคอยน์(BTC)กลับมาเป็นประเด็นถกเถียงอีกครั้ง หลังจากที่แม็กซ์ ไคเซอร์(Max Keiser) นักลงทุนคริปโตชื่อดังและที่ปรึกษาด้านบิตคอยน์ของประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ ออกมาแสดงความเห็นว่า *ระบบธนาคารกลางได้ล้มเหลว และบิตคอยน์คือสาเหตุของจุดจบดังกล่าว* เขายืนยันว่าบิตคอยน์ไม่ใช่เพียงทางเลือกใหม่ด้านสกุลเงิน แต่ยังเป็น ‘ตัวเปลี่ยนระบบ’ ของโลกการเงิน
ไคเซอร์ออกแถลงหลังจากที่คริสติน ลาการ์ด(Christine Lagarde) ประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB) กล่าวถึงความจำเป็นในการพัฒนาเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง(CBDC) โดยยกเหตุผลจากการลดลงของการใช้เงินสดในยุโรปและการเพิ่มขึ้นของการชำระเงินแบบดิจิทัล ลาการ์ดเตือนว่า “หาก ECB ไม่จัดทำ CBDC เราอาจสูญเสียสถานะ ‘สมอเงิน’ ที่ดำรงมาเป็นศตวรรษ”
อย่างไรก็ตาม ไคเซอร์โต้กลับอย่างหนักแน่นว่า “การทดลองของธนาคารกลางที่กินเวลามา 300 ปีจบลงแล้ว และบิตคอยน์คือตัวแปรสำคัญ” พร้อมระบุว่าแม้แต่ CBDC ก็มีรากฐานมาจากแนวคิดของบิตคอยน์ และนั่นเป็นหลักฐานว่าบิตคอยน์กำลัง ‘ปลดแอก’ อำนาจทางการเงินเดิม
นอกจากนี้ เขายังแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับค่าเงินยูโร โดยโพสต์ผ่านทวิตเตอร์ว่า “ยูโร(EUR)จะลดลงจนเหลือศูนย์เมื่อเทียบกับบิตคอยน์” สะท้อนมุมมองที่ไม่มั่นใจกับอนาคตของระบบการเงินยุโรป โดยปัจจุบัน บิตคอยน์ซื้อขายอยู่ที่ 117,990 ดอลลาร์ หรือราว 103,143 ยูโร
คำกล่าวของไคเซอร์เกิดขึ้นภายหลังธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ย โดยประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ แถลงแผนไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ก็ไม่รอช้า ออกมาโพสต์วิจารณ์แผนการคลังของเฟดแสดงให้เห็นว่า *ความไม่ไว้วางใจในระบบการเงินยังคงฝังลึกในระดับผู้นำทางการเมืองของสหรัฐ*
ขณะที่บิตคอยน์ยังคงเผชิญแรงกดดันจากกฎระเบียบและความไม่แน่นอนของตลาดการเงิน แต่ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญอย่างไคเซอร์ ยิ่งเสริมสร้างแนวคิดที่ว่า *บิตคอยน์ไม่ใช่แค่ทรัพย์สินเพื่อการลงทุน แต่คือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกการเงินทั้งระบบ*
ความคิดเห็น 0