ราคาบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงอย่างรุนแรงเกือบ 7,000 ดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 48 ชั่วโมง ส่งผลให้ตลาดคริปโตเข้าสู่ช่วง ‘ปรับฐานครั้งใหญ่’ อีกครั้ง หลังจากที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบมาหลายสัปดาห์ บิตคอยน์ร่วงจากระดับประมาณ 119,000 ดอลลาร์ เหลือเพียง 112,700 ดอลลาร์ในช่วงค่ำของวันที่ 1 (เวลาท้องถิ่น) นับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม
การปรับฐานในครั้งนี้มีหลายปัจจัยส่งผลร่วมกัน ปัจจัยแรกที่สร้างแรงกดดันคือการที่ธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ตัดสินใจ ‘ตรึงอัตราดอกเบี้ย’ แม้ประธานาธิบดีทรัมป์จะเรียกร้องให้ลดดอกเบี้ยก็ตาม แม้ตลาดจะคาดการณ์ล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ท่าที ‘ไม่ปรับเปลี่ยนนโยบาย’ ทั้งที่ GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐโตเกินคาด ยิ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนในวงกว้าง
แรงสั่นสะเทือนลำดับถัดมาคือมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรจากทรัมป์ที่มีผลบังคับเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม การปรับขึ้นภาษีสินค้าบางรายการจากแคนาดา และการเพิ่มประเทศเป้าหมายในมาตรการนี้ ทำให้ตลาดโลกตึงเครียดมากขึ้น นอกจากนี้ ทรัมป์ยังสั่งเคลื่อนย้ายเรือดำน้ำนิวเคลียร์ 2 ลำ เข้าใกล้รัสเซีย เพื่อตอบโต้คำพูดข่มขู่จากรัสเซีย ทำให้ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์พุ่งสูง นักลงทุนจำนวนมากจึงหันไปหาทรัพย์สินปลอดภัยมากขึ้น
อีกปัจจัยหนึ่งที่ไม่อาจมองข้าม คือความเชื่อมั่นในตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐ ซึ่งเริ่มสั่นคลอน ทรัมป์กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลไบเดน ‘บิดเบือนข้อมูล’ หลังตัวเลขการว่างงานปรากฏว่าไม่เอื้อประโยชน์ต่อเขา ขณะที่รัฐบาลอินเดียก็เพิกเฉยต่อคำเตือนจากทรัมป์ และยังคงนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียต่อไป ทำให้ระดับความเสี่ยงทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอีกขั้น
ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนเหล่านี้เร่งให้เกิด ‘แรงขาย’ ของนักลงทุน ทั้งรายย่อยและสถาบัน โดยเฉพาะในตลาด ETF ที่อิงบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์อ้างอิง แพลตฟอร์มวิเคราะห์ ETF อย่างแฟร์ไซด์เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 เพียงวันเดียว กองทุน ETF บิตคอยน์มีเงินไหลออกมากถึง 812.3 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.12 ล้านล้านวอน) ซึ่งเป็นการไหลออกที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ สะท้อนแรงเทขายที่รุนแรงของสถาบัน
หากเปรียบเทียบกับสถานการณ์ก่อนหน้า เมื่อ ETF เหล่านี้ยังมีเงินไหลเข้าเป็นวันที่ห้าติดต่อกัน การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้นับเป็นการกลับทิศแบบเฉียบพลัน ซึ่งมี *ผลกระทบโดยตรงต่อราคาบิตคอยน์* ในเรื่องนี้ *ความคิดเห็น* จากผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายชี้ว่า ETF ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการดันหรือกดราคาบิตคอยน์ในระยะสั้น
การร่วงลงรอบนี้ของบิตคอยน์จึงไม่ใช่แค่ ‘ปรับฐานเทคนิค’ ตามปกติ แต่เป็นผลพวงของ ‘ความเสี่ยงทางการเมือง’, ‘สถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอน’ และ ‘ทิศทางเงินทุนของนักลงทุนสถาบัน’ ที่ประจวบกัน ท่ามกลางนโยบายการเงินที่ยังไม่ชัดเจน และความเสี่ยงจากมาตรการของประธานาธิบดีทรัมป์ ตลาดคริปโตอาจต้องเผชิญกับความผันผวนในระดับสูงไปอีกระยะหนึ่ง
ความคิดเห็น 0