อิลลินอยส์ออกกฎหมายคุมเข้มคริปโต เน้นคุ้มครองผู้บริโภค ปะทะนโยบายรัฐบาลทรัมป์

รัฐอิลลินอยส์เดินหน้าคุมเข้มนโยบายเกี่ยวกับคริปโตในระดับรัฐ โดยเมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ เจบี พริตซ์เกอร์(JB Pritzker) ได้ลงนามในกฎหมายใหม่ 2 ฉบับที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างสิทธิการกำกับดูแลภาคอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลให้แก่รัฐบาลรัฐ พร้อมขยายมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค โดยเขาได้แสดงท่าทีชัดเจนในการแยกตัวจากนโยบายของรัฐบาลกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาระบุว่า *“รัฐบาลประธานาธิบดีทรัมป์เปิดทางให้กลุ่ม ‘คริปโตโบรว์’ (Crypto bros) ครอบงำนโยบายรัฐบาลกลาง”* พร้อมย้ำว่าการปกป้องนักลงทุนจากระดับรัฐเป็นสิ่งจำเป็น

หนึ่งในกฎหมายดังกล่าวคือ *‘พระราชบัญญัติสินทรัพย์ดิจิทัลและการคุ้มครองผู้บริโภค’ (SB 1797)* ซึ่งให้อำนาจสำนักงานควบคุมบริการทางการเงินแห่งรัฐอิลลินอยส์ในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตและบริษัทที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการ กฎหมายนี้ผ่านการอนุมัติจากวุฒิสภาเมื่อเดือนเมษายน โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามมาตรฐานคล้ายกับบริการการเงินทั่วไป อาทิ การให้บริการลูกค้าตามเกณฑ์ที่ชัดเจน การดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ การป้องกันการฉ้อโกง และเปิดเผยข้อมูลการลงทุน พร้อมทั้งต้องรักษาสภาพคล่องทางการเงินอย่างเพียงพอ

พริตซ์เกอร์ระบุว่า *“ในยุคที่กลโกงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการคุ้มครองผู้บริโภคของรัฐบาลกลางอ่อนแอลง รัฐอิลลินอยส์จำเป็นต้องเข้มแข็งเพื่อปกป้องประชาชนและทรัพย์สินที่พวกเขาสะสมมาด้วยความยากลำบาก”* พร้อมแสดงจุดยืนว่า รัฐจะยังคงรักษากรอบการกำกับดูแลที่รัดกุม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน โดยให้ความเห็นว่า *นโยบายจากฝั่งทรัมป์ นั้นขาดความใส่ใจต่อผลประโยชน์ของนักลงทุน*

นับตั้งแต่พรรครีพับลิกันได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีก่อน นโยบายคริปโตในแต่ละรัฐเริ่มมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยรัฐที่มีแนวโน้มการเมืองฝั่งรีพับลิกัน เช่น เท็กซัสและแอริโซนา มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลเต็มตัว ขณะที่รัฐอิลลินอยส์ซึ่งเป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครตกลับเดินหน้าอย่างระมัดระวังและเลือกโฟกัสไปที่การควบคุม ซึ่ง *ความคิดเห็น* เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความจริงที่ว่า นโยบายคริปโตกำลังกลายเป็นเวทีใหม่ของความขัดแย้งทางปรัชญาระหว่างสองพรรคการเมืองในสหรัฐฯ อย่างแท้จริง