ชิบะอินุ(SHIB) เสี่ยงหนัก! เหรียญ 84 ล้านล้านบนกระดานเทรดจ่อเทขายกดดันราคา

ชิบะอินุ(SHIB) กำลังเผชิญกับ *ความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง* ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าปัญหาความผันผวนของราคาในตลาดคริปโต โดยปัจจุบันมีโทเคน SHIB มากถึง 84 ล้านล้านเหรียญที่ถูกถืออยู่ในกระดานเทรด ซึ่งสามารถเข้าสู่การหมุนเวียนได้ทันที ตัวเลขนี้อาจกลายเป็น *ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่* สำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า ‘ความเข้มข้นของอุปทาน’ นี้กำลังกดดันราคาให้อ่อนตัว และขัดขวางทุกความพยายามในการฟื้นตัว

ปัญหาใหญ่ของสถานการณ์นี้คือ โทเคนส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสำหรับการสเตคหรือถือครองระยะยาว แต่กลับอยู่ในกระดานเทรดที่สามารถขายทิ้งได้ทุกเมื่อ ส่งผลให้ตลาดชิบะอินุเผชิญแรงขายกดดันโดย *ต่อเนื่อง* ทุกครั้งที่ราคาพยายามปรับตัวขึ้น นักลงทุนรายใหญ่, ผู้ดูแลสภาพคล่องในตลาด หรือแม้แต่นักลงทุนทั่วไปที่เกิดความตื่นตระหนก อาจกลายเป็นต้นทางของการเทขายแบบฉับพลัน ซึ่งทำให้ SHIB อยู่ในตำแหน่งที่เปราะบางโดยโครงสร้าง

ด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิคก็ไม่ค่อยให้สัญญาณที่ดีนัก ราคา SHIB กำลังเคลื่อนไหวในรูปแบบสามเหลี่ยมหดตัวขาลงภายใต้ปริมาณการซื้อขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหากความต้องการซื้อไม่สามารถรองรับอุปทานที่มีอยู่นี้ได้ ราคาก็มีแนวโน้มจะ *เข้าสู่ภาวะขาลง* ต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น การที่ราคาไม่สามารถทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วันได้ ก็แสดงให้เห็นถึงความ *ไม่มั่นใจ* ของฝ่ายซื้อ ซึ่งคำนึงถึงแรงขายที่รออยู่เป็นจำนวนมากมากกว่าความหวังในการทำกำไร

สิ่งที่น่ากังวลยิ่งขึ้นคือ แนวโน้มนักลงทุนที่เพิกเฉยต่อโครงสร้างอุปทานของ SHIB และระดับการคงค้างของเหรียญบนกระดานเทรด แต่กลับหันไปให้ความสนใจกับสัญญาณดีดตัวระยะสั้นแทน พฤติกรรมลักษณะนี้อาจนำไปสู่ *การเปิดเลเวอเรจที่มีความเสี่ยงสูง* หรือการซื้อแบบไร้แผน ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความเสียหายหากมีการปรับฐานลงอย่างรุนแรงในอนาคต หากไม่มีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนในด้านการลดปริมาณเหรียญบนกระดาน ไม่ว่าจะเป็นการเผาเหรียญ การโอนสู่กระเป๋าเย็น หรือการลดลงของยอดคงเหลือโดยรวม แรงฟื้นตัวในระยะสั้นก็จะยังคงจำกัดอยู่มาก

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก็ยังไม่ถึงขั้นหมดหวัง หาก SHIB สามารถ *ฝ่าระดับราคาปัจจุบันพร้อมกับปริมาณการซื้อที่เพิ่มขึ้น* ก็อาจเริ่มต้นกระแสฟื้นตัวในระยะสั้นได้บ้าง แต่ถึงกระนั้น *อุปทานรอขายมหาศาล* ยังคงเป็นหัวใจของปัญหา และการเพิ่มขึ้นของราคาในระยะยาวจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มี *การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง* โดยเฉพาะในด้านการลดจำนวนเหรียญที่อยู่ในกระดาน SHIB จึงยังต้องอาศัยการจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในมิติของอุปสงค์และอุปทาน มากกว่าการไล่ตามข่าวเชิงบวกระยะสั้นเพียงอย่างเดียว