ธนาคารกลางอังกฤษปรับแนวทางบางส่วนเกี่ยวกับการควบคุมผู้ให้บริการสเตเบิลคอยน์ซึ่งมีความสำคัญเชิงระบบ โดยก่อนหน้านี้ตั้งแต่ต้นปี 2023 ธนาคารกลางได้กำหนดให้ผู้ให้บริการกลุ่มนี้ต้องฝาก *ทุนสำรองไว้ที่ธนาคารกลางโดยไม่มีดอกเบี้ย* ซึ่งทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเริ่มเปิดทางให้สามารถถือครอง *สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและปลอดภัย* เช่น ตราสารหนี้รัฐบาลระยะสั้นได้บางส่วน
เมื่อวันที่ 24 รองผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ซารา บรีเดน(Sarah Breeden) เปิดเผยในสุนทรพจน์ว่า ผู้ให้บริการสเตเบิลคอยน์ที่มีความสำคัญเชิงระบบจำเป็นต้องมี ‘ความยืดหยุ่นในการจัดการสินทรัพย์’ และยืนยันว่าจากนี้ไปผู้ให้บริการสามารถใช้ *ตราสารหนี้รัฐบาลระยะสั้นและสินทรัพย์ปลอดภัยประเภทอื่นๆ* ร่วมกับเงินฝากในธนาคารกลางเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน
ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางอังกฤษได้ประกาศกรอบกำกับดูแลสำหรับสเตเบิลคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเน้นการลดความเสี่ยงของผู้ออกเหรียญผ่านการฝากเงินกับธนาคารกลางเพียงช่องทางเดียว ทว่าด้วยระบบที่ไม่มีรายได้จากดอกเบี้ย ทำให้เกิดคำถามต่อ *ความยั่งยืนของโมเดลธุรกิจ* ซึ่งการผ่อนปรนในครั้งนี้ถือเป็นการตอบสนองต่อความกังวลนั้น
บรีเดนยังกล่าวด้วยว่าในช่วงแรก สเตเบิลคอยน์ถูกมองว่าใช้ได้เฉพาะกับการชำระเงินแบบ ‘รีเทล’ สำหรับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ปัจจุบันเริ่มมีบทบาทใน ‘การชำระและชำระบัญชีโทเคนหลักทรัพย์’ และแทรกซึมสู่ตลาดทุนในภาพรวมมากขึ้น ตัวอย่างคือการที่กระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักรและธนาคารกลางได้เริ่มโครงการ *“แซนด์บ็อกซ์สินทรัพย์ดิจิทัล”* เพื่อทดลองการใช้สเตเบิลคอยน์และโทเคนเงินฝากในธุรกรรมจริง
ถึงแม้ว่าสเตเบิลคอยน์จะต่างจากเงินฝากธนาคารแบบดั้งเดิม เนื่องจากถูกสร้างบนระบบบล็อกเชน แต่ก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว จนถูกมองว่าอาจกลายเป็น *โครงสร้างพื้นฐานการเงินที่สำคัญในอนาคต* การเปลี่ยนจุดยืนของธนาคารกลางอังกฤษในครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็น *สัญญาณของความพยายามในการเชื่อมโยงระหว่างระบบการเงินดั้งเดิมกับสินทรัพย์คริปโต*
ความคิดเห็น: การผ่อนปรนในครั้งนี้อาจปูทางให้หน่วยงานอย่างธนาคารกลางยุโรปเดินรอยตามในอนาคต เพื่อให้สามารถดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินโดยรวมไว้ได้ในเวลาเดียวกัน
ความคิดเห็น 0