บิตคอยน์(BTC) ยังไม่สิ้นสุดวัฏจักรตลาดในรอบนี้ และอาจอยู่ในช่วงเข้าสู่เฟสใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย ‘เงินทุนจากสถาบัน’ ตามรายงานวิจัยล่าสุดโดยบริษัทจัดการสินทรัพย์ชื่อดัง เกรย์สเกล(Grayscale) ที่เผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้ในหัวข้อ ‘แนวโน้มตลาดปี 2026’
รายงานดังกล่าวระบุว่าบิตคอยน์น่าจะทำ *จุดสูงสุดใหม่* ได้อีกครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 โดยมีปัจจัยหนุนจากการพัฒนาไปสู่ตลาดที่มีความเป็นผู้ใหญ่และการยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์ในระบบการเงินที่ได้รับการควบคุมอย่างชัดเจน สิ่งหนึ่งที่สะท้อนได้ชัด คือ บิตคอยน์ไม่ได้ถูกมองเป็นสินทรัพย์เก็งกำไรอีกต่อไป แต่เป็น ‘สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์’ ที่กำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตของนักลงทุนมืออาชีพมากขึ้น
เกรย์สเกลยังเผยว่าตลาดคริปโตกำลังเข้าสู่ ‘ยุคขับเคลื่อนโดยสถาบัน’ อย่างเต็มตัว จุดเปลี่ยนสำคัญคือการที่สหรัฐอเมริกายอมรับกองทุน ETP แบบถือครองบิตคอยน์และอีเธอเรียม(ETH) ตามสินทรัพย์จริงเป็นครั้งแรกในปี 2024 และในปี 2025 ก็มีแนวโน้มว่ากฎหมาย ‘GENIUS’ ที่เกี่ยวกับสเตเบิลคอยน์จะได้รับความเห็นชอบ นี่คือสัญญาณว่าคริปโตไม่ได้เป็นสินทรัพย์นอกระบบอีกต่อไป แต่กำลังก้าวเข้าสู่ 'โครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการยอมรับ'
สำหรับเม็ดเงินที่ไหลเข้าสู่ผลิตภัณฑ์ ETP ซึ่งเปิดให้ลงทุนในคริปโตแบบถือครองจริงตั้งแต่ต้นปี 2024 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีมูลค่าสูงถึง 87,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 128.3 ล้านล้านวอน) อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของคริปโตในพอร์ตการลงทุนรวมของผู้ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนในสหรัฐยังน้อยกว่า 0.5% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการลงทุนของสถาบันขนาดใหญ่นั้น ‘เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น’
นักลงทุนเชิงสถาบันรายใหญ่ เช่น มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดผ่านกองทุน Harvard Management หรือกองทุนความมั่งคั่งของรัฐบาลอาบูดาบีอย่าง Mubadala ต่างเริ่มเข้าสู่ตลาดผ่านกองทุน ETP รายงานคาดการณ์ว่า การลงทุนในลักษณะนี้จะขยายตัวต่อเนื่องในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อสถาบันเหล่านี้ผ่านการตรวจสอบทรัพย์สินอย่างละเอียดและตัดสินใจเพิ่มคริปโตเข้าในพอร์ตอย่างเป็นทางการ
ขณะที่ความผันผวนของราคาบิตคอยน์ดูเหมือนจะลดลง เมื่อเทียบกับวัฏจักรที่ผ่านมา—ในช่วงปี 2020 ถึง 2021 ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นกว่า 1,000% แต่ในวัฏจักรปัจจุบันสูงสุดเพียงราว 240% ในเดือนมีนาคม 2024 เกรย์สเกลมองว่านี่ไม่ใช่สัญญาณเชิงลบ แต่สะท้อนว่า ‘ภาวะฟองสบู่เริ่มคลี่คลาย’ และราคากำลังสะท้อนพื้นฐานมากขึ้น
ด้วยแรงสนับสนุนจากเงินทุนสถาบันที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง การสะสมทรัพย์แบบยั่งยืน (long-term accumulation) จึงเริ่มชัดเจนขึ้น ทำให้บิตคอยน์ไม่ใช่สินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไร แต่เริ่มกลายเป็น ‘สินทรัพย์ทางเลือกที่จำเป็น’ ในพอร์ตการลงทุนมากขึ้นเรื่อย ๆ
การวิเคราะห์ทางมหภาคก็สนับสนุนทิศทางเดียวกัน รายงานชี้ว่า ในช่วงปี 2025 ไปจนถึงปี 2026 นโยบายการเงินของสหรัฐจะมีแนวโน้มผ่อนคลาย โดยคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยหลายครั้ง *ความคิดเห็น* คาดว่าขั้นตอนเหล่านี้จะเป็นแรงผลักดันต่อสินทรัพย์เสี่ยงรวมถึงคริปโต โดยเฉพาะหากประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับเลือกอีกสมัย ซึ่งอาจเปลี่ยนประธานเฟด ส่งผลให้เควิน แฮสเซต(Kevin Hassett) ผู้สนับสนุนดอกเบี้ยต่ำขึ้นมารับตำแหน่ง
อีกหนึ่งเหตุผลที่เกรย์สเกลเชื่อมั่นในบิตคอยน์คือคุณสมบัติด้าน ‘ความหายาก’ โดยในเดือนมีนาคม 2026 จะมีการขุดเหรียญบิตคอยน์ครบรอบ 20 ล้านเหรียญ เหลืออีกเพียง 1 ล้านเหรียญสุดท้ายตามขีดจำกัดที่ตั้งไว้ที่ 21 ล้านเหรียญเท่านั้น นอกจากนี้ ความเร็วในการสร้างเหรียญใหม่ก็ลดลงต่ำกว่า 1% ต่อปี จึงทำให้โครงสร้างปริมาณที่จำกัดชัดเจนนี้กลายเป็นจุดแข็งสำคัญ
เมื่อพิจารณากับปัญหาหนี้ภาครัฐของสหรัฐที่เพิ่มมากขึ้น และความกังวลด้านเงินเฟ้อ บิตคอยน์และอีเธอเรียมจึงกลายเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่น่าจับตา ไม่ใช่แค่เครื่องมือเก็งกำไรระยะสั้นอีกต่อไป รายงานของเกรย์สเกลเน้นว่า ควรมองทั้งสองสินทรัพย์เป็น ‘ทรัพย์สินเชิงกลยุทธ์ระยะยาว’
พร้อมกันนี้ เกรย์สเกลยังคาดการณ์ 10 เทรนด์สำคัญของสินทรัพย์ดิจิทัลในปี 2026 ได้แก่
- ความต้องการสินทรัพย์ทางเลือกเพิ่มขึ้นจากการอ่อนค่าของดอลลาร์
- การกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน
- อัตราการเติบโตของสเตเบิลคอยน์ผ่านกฎหมาย GENIUS
- การเพิ่มขึ้นของการเปลี่ยนสินทรัพย์จริงเป็นโทเคน
- การยกระดับเทคโนโลยีคุ้มครองข้อมูลส่วนตัว
- การผสานระหว่าง AI กับบล็อกเชน
- ความเร็วในการให้กู้ยืมบนระบบไฟแนนซ์แบบไร้ศูนย์กลาง (DeFi) เพิ่มขึ้น
- การขยายโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนรุ่นถัดไป
- การใช้การสเตก(Staking) เป็น ‘มาตรฐาน’ บนเครือข่ายแบบพิสูจน์ด้วยการถือครอง(PoS)
- นักลงทุนเริ่มเลือกใช้โทเคนที่มีกรณีใช้งานจริงและรายได้ที่จับต้องได้มากขึ้น
ข้อมูลอีกด้านระบุว่า ความกังวลต่อ ‘ความเสี่ยงจากควอนตัมคอมพิวติ้ง’ และ ‘แรงกดดันจากเหรียญคลังของโครงการต่าง ๆ’ จะไม่มีผลกระทบใหญ่ต่อทิศทางภาพใหญ่ของตลาดในปี 2026
ท้ายที่สุด เกรย์สเกลชี้ว่า เราไม่สามารถอธิบายการเคลื่อนไหวของราคาบิตคอยน์โดยยึดเพียงแค่ 'วัฏจักร 4 ปีตามการลดรางวัลการขุด' ได้อีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือยุคใหม่ของตลาดคริปโตที่ขับเคลื่อนโดยเงินสถาบัน, กฎเกณฑ์ชัดเจน และปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวย
“การที่บิตคอยน์จะทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2026 ไม่ใช่แค่ความหวัง แต่ควรมองเป็น ‘สมมุติฐานพื้นฐาน’ ไปแล้ว” เกรย์สเกลระบุในรายงานดังกล่าว
ความคิดเห็น 0