อีเธอเรียม(ETH) กำลังส่งสัญญาณการหดตัวของปริมาณอุปทานอีกครั้ง โดยพบว่ามีการถอนเหรียญออกจากตลาดซื้อขายอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้อุปทานสุทธิของอีเธอเรียมกลายเป็น *ติดลบ* เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แม้ราคายังแกว่งตัวอยู่แถวระดับ 4,390 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.09 ล้านบาท) แต่ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวเพื่อ *การถือครองระยะยาว* อย่างชัดเจน
ตามรายงานของนักวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน แคส อาเบ(Cas Abbé) ระบุว่า ขณะนี้ *การถอนออกจากตลาดมีปริมาณสูงกว่าการฝากเข้า* ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเขากล่าวว่า “นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขธรรมดา แต่เป็นมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ที่อีเธอเรียมถูกถอนออกจากตลาด โดยไม่ใช่การถอนเพื่อลดสถานะหรือขาย แต่เพื่อถือครองเท่านั้น”
ข้อมูลการถือครองบนกระดานแลกเปลี่ยนก็สอดคล้องกัน โดยปริมาณอีเธอเรียมที่อยู่บนตลาดได้ลดลงอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2020 จากเกือบ 27 ล้าน ETH เหลือต่ำกว่าระดับศูนย์ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเหรียญจำนวนมหาศาลถูกโยกย้ายไปยัง *กระเป๋าเก็บรักษาส่วนตัวหรือฮาร์ดวอลเล็ต* ทำให้เหรียญในระบบหมุนเวียนลดลง
แม้ราคาจะปรับลดลงประมาณ 3% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่การถอนเหรียญออกจากตลาดที่เพิ่มขึ้นยังช่วยลด *แรงเทขายในระยะสั้น* ลงได้มาก ด้านนักเทรดชื่อว่า ‘เมอร์ลิน(Merlijn)’ มองว่า ขณะนี้อีเธอเรียมกำลังอยู่ในช่วง ‘ดีสบีลีฟ แรลลี่ (disbelief rally)’ หรือภาวะที่ตลาดยังไม่เชื่อมั่นก่อนเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอย่างแท้จริง พร้อมระบุว่า ETH มีโอกาสไต่ระดับขึ้นไปถึง 10,000 ดอลลาร์ (ราว 13.9 ล้านบาท)
ปัจจัยบวกอีกประการหนึ่งคือความเคลื่อนไหวในตลาด ETF (กองทุนดัชนี) โดยแพลตฟอร์ม ‘Milk Road’ ชี้ว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กองทุน ETH ETF ได้เริ่ม*รับเงินลงทุนอย่างจริงจัง* ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่เร่งให้เกิดการไหลออกของเหรียญจากตลาดซื้อขาย
เมื่อพิจารณาภาพรวมของการลดลงของเหรียญในระบบควบคู่ไปกับความต้องการจากกองทุน ETF ส่งผลให้ตลาดอีเธอเรียมมี *ศักยภาพปรับขึ้นในระยะยาวมากขึ้น* ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในวงการยังคาดการณ์ว่า หากสถานการณ์ ‘อุปทานตึงตัว’ นี้ยังคงดำเนินต่อไป ก็มีโอกาสที่ราคาจะเกิดการ *ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในช่วงกลางถึงยาว* ได้เช่นกัน
ความคิดเห็น 0