Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

บริษัทจดทะเบียนสหรัฐแห่ใช้กลยุทธ์สเตกกิงอีเธอเรียม(ETH) ดันรายได้ออนเชนเพิ่มพรวด

บริษัทจดทะเบียนสหรัฐแห่ใช้กลยุทธ์สเตกกิงอีเธอเรียม(ETH) ดันรายได้ออนเชนเพิ่มพรวด / Tokenpost

กลยุทธ์ของบริษัทที่ถืออีเธอเรียม(ETH) กำลังเปลี่ยนแปลงไป โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่การซื้อเก็บเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้ ‘สเตกกิง(staking)’ และ ‘รีสเตกกิง(restaking)’ เพื่อสร้างรายได้แบบออนเชน กลายเป็นแนวทางใหม่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งบางแห่งเริ่มเปิดเผยข้อมูลการถือครองให้ผู้ลงทุนได้รับทราบแบบเรียลไทม์ ส่งผลให้บริษัทที่ถือสินทรัพย์ขนาดใหญ่มีอิทธิพลต่อสภาพคล่อง โหนดผู้ตรวจสอบ และทิศทางการอัปเกรดของอีเธอเรียม

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ตามเอกสาร 8-K ที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) บิตไมน์ อิมเมอร์เจน(BMNR) บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดแนสแด็ก ถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่ถืออีเธอเรียมมากที่สุด โดยถือครองอยู่ที่ 1.523 ล้าน ETH หรือประมาณ 6.6 พันล้านดอลลาร์ (ราว 9.17 แสนล้านบาท) ทำให้เกือบทั้งหมดของพอร์ตคริปโตของบริษัทประกอบไปด้วยอีเธอเรียม ส่วนที่เหลือเป็นบิตคอยน์(BTC) และเงินสดในสัดส่วนที่เล็กกว่า

การถือครอง ETH อย่างมหาศาล ทำให้บิตไมน์กลายเป็น ‘หุ้นกลุ่มกลยุทธ์อีเธอเรียม’ ที่มีบทบาทสำคัญต่อสภาพคล่องของตลาด และโครงสร้างของผู้ตรวจสอบเครือข่าย โดยเฉพาะนโยบายด้านสเตกกิงและการบริหารคลังสินทรัพย์ที่อาจมีผลโดยตรงต่อตลาด

อีกบริษัทที่น่าจับตาคือ ชาร์ปลิงค์ เกมมิง(SBET) ซึ่งเปิดเผยในรายงานนักลงทุนเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมว่า ได้ซื้อสะสมเพิ่มอีก 143,593 ETH ภายในสัปดาห์เดียว ทำให้ยอดถือครองรวมเพิ่มขึ้นเป็น 740,760 ETH หรือคิดเป็นสัดส่วนสำคัญของสินทรัพย์รวมของบริษัท การสะสม ETH ครั้งนี้เกิดผ่านการจัดหาเงินโดยตรงและการระดมทุนแบบ ATM (At-the-Market Offering) ตามกลยุทธ์เชิงรุก ขณะเดียวกันบริษัทก็ได้รับผลตอบแทนแบบสเตกกิงอย่างต่อเนื่อง

กรณีของชาร์ปลิงค์เป็นตัวอย่างของ ‘บริษัทจดทะเบียนที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในแง่การถือครอง ETH’ โดยการเปิดเผยข้อมูลประจำสัปดาห์เกี่ยวกับจำนวนเหรียญและแผนการลงทุนช่วยให้ผู้ลงทุนเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นทั้งในด้านความเสี่ยงและโอกาสในการทำกำไร

อีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจคือ คอยน์เบส(COIN) ซึ่งในรายงานทางการเงินได้มีการแยกบัญชีอย่างชัดเจนระหว่าง ETH ที่ใช้ดำเนินธุรกิจ กับ ETH ที่ถือเพื่อการลงทุน กลายเป็นโมเดลที่คาดว่าจะถูกนำไปใช้แพร่หลายมากขึ้น

แนวโน้มในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่า หลายบริษัทกำลังเปลี่ยนมุมมองจากการถือครองอีเธอเรียมในฐานะสินทรัพย์แบบ ‘ไม่เคลื่อนไหว’ มาเป็น ‘เครื่องมือทำรายได้’ แบบแอ็กทีฟ ซึ่งช่วยเปิดทางให้ผู้ลงทุนทั่วไปเข้าถึง ETH ผ่านการซื้อหุ้นของบริษัทจดทะเบียน แทนการถือเหรียญเอง ถือเป็นอีกขั้นตอนสำคัญสู่การยอมรับอีเธอเรียมในตลาดการเงินแบบดั้งเดิม ความคิดเห็น: การเปลี่ยนผ่านดังกล่าวอาจเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ผลักดันให้ ETH กลายเป็นสินทรัพย์หลักในพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนสถาบันในอนาคต

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1