Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ทองคำพุ่งทำสถิติใหม่ที่ 3,508 ดอลลาร์ ขานรับโอกาสเฟดลดดอกเบี้ยรอบใหญ่ในปีนี้

ทองคำพุ่งทำสถิติใหม่ที่ 3,508 ดอลลาร์ ขานรับโอกาสเฟดลดดอกเบี้ยรอบใหญ่ในปีนี้ / Tokenpost

ตลาดทองคำและโลหะเงินมีแนวโน้มเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งภายในปีนี้ ตามรายงานของไบน์บิท(Bybit) และ FXStreet เมื่อวันที่ 24 รายงานดังกล่าววิเคราะห์ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคในปัจจุบันเอื้อต่อราคาทองและเงิน โดยเฉพาะหากเฟดเริ่มปรับลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งจะส่งผลให้ ‘ทั้งทองคำและโลหะเงินเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น’

รายงานชี้ว่า ‘การตัดสินใจด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟด’ คือตัวแปรสำคัญที่สุดต่อราคาทองและเงิน โดยขณะนี้ราคาทองคำได้พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,508 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 4.87 ล้านบาท) ขณะที่โลหะเงินยังคงมีศักยภาพในการปรับตัวขึ้นอีกในระยะถัดไป ความน่าสนใจอยู่ที่สาเหตุการขึ้นราคาทองในรอบนี้ไม่ได้มาจาก ‘ความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์’ ในอดีต แต่เป็น ‘ความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ย’ ที่ส่งผลเป็นหลัก

ในปัจจุบัน เฟดกำหนดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานไว้ที่ราว 4.5% ขณะที่ตลาดประเมินว่ามีโอกาสสูงที่ดอกเบี้ยจะถูกปรับลดลงสู่ระดับ 4.25% ภายในเดือนนี้ หากเฟดยังเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ตลาดอาจได้เห็น ‘การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่’ ภายในปีเดียว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะ ‘กระตุ้นให้มีสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดสินทรัพย์’ อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในโลหะมีค่าอย่างทองและเงิน

ทั้งนี้ ทองคำได้พุ่งขึ้นถึง 32% นับตั้งแต่ต้นปี 2025 และมีการคาดการณ์ว่า ณ สิ้นปี ราคาทองจะอยู่ที่ระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 5.56 ล้านบาท) หรือคิดเป็นการเพิ่มขึ้นอีก 14% จากปัจจุบัน สำหรับโลหะเงินนั้น แม้จะเพิ่มขึ้นกว่า 40% ในปีนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถทะลุระดับสูงสุดเดิมในปี 2011 ที่ 50 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 69,500 บาท) ได้ โดยต้องปรับขึ้นอีกประมาณ 25% จึงจะกลับสู่จุดสูงสุดดังกล่าว

หากเฟดลดดอกเบี้ยจริง ‘ความน่าสนใจของพันธบัตรและเงินฝากก็จะลดต่ำลง’ นักลงทุนจึงมีแนวโน้มเบนเข็มไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยและสินทรัพย์ทางเลือกอื่น เช่น ทองคำ, โลหะเงิน และบิตคอยน์(BTC) นอกจากนี้ ปัจจัยเชิงมหภาคอย่าง ‘ยอดหนี้ทั่วโลกที่พุ่งสูง’, ‘งบประมาณขาดดุล’ และ‘เงินเฟ้อที่สูงต่อเนื่อง’ ล้วนหนุนให้เกิดความต้องการในตลาดทองคำมากขึ้น โครงสร้างเหล่านี้ทำให้ทองคำซึ่งแม้ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย ยังคงได้รับการมองว่าเป็น ‘ที่หลบภัยในภาวะวิกฤต’

รายงานของไบน์บิทยังระบุด้วยว่า แนวโน้มในระยะกลางและระยะสั้นของตลาดโลหะมีค่าสะท้อนความเชื่อมโยงโดยตรงกับนโยบายของเฟด จึงแนะนำให้นักลงทุนที่ติดตาม ‘ทิศทางดอกเบี้ย’ พิจารณาตลาดทองคำและโลหะเงินว่าอาจกำลังอยู่ใน ‘ช่วงเวลาน่าสะสม’ อีกครั้งหนึ่ง

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความหลัก

ไวโอมิงผลักดัน 'ฟรอนเทียร์ สเตเบิลโทเคน(FRNT)' สู่อีกขั้น เตรียมใช้งานบนเฮเดรา(HBAR) สิงหาคมนี้

วาฬอีเธอเรียม(ETH)สะสมเพิ่ม 14% ใน 5 เดือน หนุนราคาพุ่งเฉียด 4,500 ดอลลาร์ จับตาทำสถิติใหม่

คราเคน(Kraken) เข้าซื้อเบรกเอาต์(Breakout) ดันบริการเทรดด้วยเงินทุนบริษัท พร้อมทุนสูงสุด 200,000 ดอลลาร์

บิตคอยน์(BTC)ร่วงต่ำกว่า 110,000 ดอลลาร์ท่ามกลางกังวลเศรษฐกิจถดถอย นักลงทุนแห่ถือทองคำแทน

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1