บิตคอยน์(BTC) ปรับระดับ ‘ความยากในการขุด’ ขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เครือข่ายของบิตคอยน์ได้มีการปรับความยากขึ้นเป็น *134.7 ล้านล้าน* เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากระดับก่อนหน้าที่ *129.6 ล้านล้าน* นับเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขดังกล่าวทะลุหลัก 134 ล้านล้าน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่าง ‘ความปลอดภัยของเครือข่าย’ กับระดับ ‘ความยากในการขุด’ ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ความยากในการขุดเป็นตัวชี้วัดที่ถูกปรับอัตโนมัติในทุก 2 สัปดาห์ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้การสร้างบล็อกใหม่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สม่ำเสมอมากที่สุด หากระดับความยากสูงขึ้น นั่นหมายความว่าการแข่งขันจากนักขุดเพื่อแก้สมการทางคณิตศาสตร์จะยิ่งรุนแรง อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจคือ ‘อัตราแฮช (Hashrate)’ โดยรวมของเครือข่ายกลับลดลง
ตามข้อมูลจากคริปโตควอนต์(CryptoQuant) ระบุว่า ขณะนี้แฮชเรตของบิตคอยน์อยู่ที่ประมาณ *967 พันล้านแฮชต่อวินาที* ลดลงจากระดับ *1 ล้านล้านแฮชต่อวินาที* ซึ่งเคยบันทึกไว้เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม
"ความคิดเห็น" ของนักวิเคราะห์ในตลาดมองว่า แม้แฮชเรตจะลดลง แต่ความยากในการขุดที่พุ่งสูงขึ้น อาจสะท้อนให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างของเครือข่าย กล่าวคือ ถึงแม้ผู้เล่นขนาดเล็กจะทยอยถอนตัวออกไป แต่พลังการประมวลผลโดยรวมยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจหมายถึง ‘อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของผู้ขุดรายใหญ่’ บางคนมองว่าสิ่งนี้อาจกระทบต่อ ‘ความเป็นกระจายศูนย์’ ของระบบในระยะยาว
ในมุมของตลาดคริปโต การเปลี่ยนแปลงของค่าชี้วัดด้านการขุด เช่น ความยากและแฮชเรต มักมีผลต่อทิศทางของราคาบิตคอยน์ เนื่องจากส่งผลให้ต้นทุนของนักขุดเปลี่ยนไป จึงอาจมีผลต่อกลยุทธ์การถือครองและการปล่อยเหรียญเข้าสู่ตลาด
แม้ปัจจัยทางเทคนิคในเครือข่ายบ่งชี้ถึงรากฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่ก็ยังมีนักวิเคราะห์บางรายที่ ‘ไม่เชื่อมั่น’ ว่าราคาบิตคอยน์จะสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ภายในปีนี้ โดยเฉพาะเมื่อคำนึงว่า ตัวชี้วัดด้านการขุดมักจะไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับราคาสินทรัพย์ในระยะสั้น จึงมีแนวโน้มว่า ตลาดอาจจะให้ ‘น้ำหนัก’ กับสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคในระดับโลกมากกว่าในช่วงนี้
ความคิดเห็น 0