นักวิเคราะห์เตือนอย่าหลงเชื่อสถิติย้อนหลัง บิตคอยน์(BTC) อาจไม่แตะจุดสูงสุดในไตรมาส 4 ปีนี้

นักวิเคราะห์เตือน การคาดการณ์ว่าบิตคอยน์(BTC) จะทำจุดสูงสุดใหม่ในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ อาจเป็นการเข้าใจผิดในหลักสถิติพื้นฐาน พร้อมชี้ว่าภาพซ้ำในอดีตไม่สามารถการันตีเหตุการณ์ในอนาคตได้เสมอไป

เมื่อวันที่ 14 นักวิเคราะห์สินทรัพย์ดิจิทัลนามแฝงว่า "แพลนซี (PlanC)" ได้โพสต์ข้อความผ่าน X (ชื่อเดิมคือทวิตเตอร์) ระบุว่า ความเชื่อว่าบิตคอยน์จะสร้างราคาสูงสุดในช่วงปลายปีนี้ เป็น “ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐานทางสถิติและความน่าจะเป็น” โดยเฉพาะเมื่อความคาดหวังนี้ยึดโยงกับเหตุการณ์หลังการ ‘ลดรางวัลคริปโต’ หรือ ‘การฮาล์ฟ(halving)’ ซึ่งเกิดขึ้นมาแล้วสามครั้ง

เขาชี้ว่า การใช้ ‘ตัวอย่างเพียงสามครั้ง’ จากเหตุการณ์ในอดีตเพื่ออ้างอิงแนวโน้มอนาคต เทียบได้กับการเชื่อว่าเมื่อโยนเหรียญได้หัวสามครั้งติดกัน ครั้งที่สี่ก็จะเป็นหัวเหมือนกันโดยอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นการ *ใช้สถิติอย่างผิดวิธี*

แพลนซียังแสดงความเห็นเชิงโต้แย้งว่า *ไม่มีเหตุผลพื้นฐานอะไรเลยที่บิตคอยน์จะต้องขึ้นจุดสูงสุดในช่วงสิ้นปี* พร้อมให้ความเห็นว่า หากไม่นับความคาดหวังส่วนบุคคลหรือข้อมูลจากอดีตโดยปราศจากเงื่อนไขใหม่ ตลาดไม่มี ‘ตัวเร่งสำคัญ’ ใด ๆ ที่ชี้ชัดว่าราคาบิตคอยน์จะทำจุดสูงสุดภายในปีนี้ และมีแนวโน้มมากกว่าที่จะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 4 ของปี 2025 แทน

เขายังยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างตลาด เช่น การเพิ่มขึ้นของบริษัทที่ถือบิตคอยน์ในสินทรัพย์คลัง, การไหลเข้าของเงินทุนสู่ ETF บิตคอยน์ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็น *ปัจจัยใหม่* ที่แตกต่างจากรอบวัฏจักรก่อนหน้า ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า *การ ‘ฮาล์ฟ’ ยังมีผลต่อราคาบิตคอยน์เหมือนเดิมหรือไม่*

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก CoinGlass เผยว่าตั้งแต่ปี 2013 บิตคอยน์มีค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปีถึง *85.42%* ซึ่งแม้จะดูเป็นข้อมูลบวก แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นว่าค่าดังกล่าวไม่เพียงพอสำหรับการใช้คาดการณ์ในอนาคตอย่างแม่นยำ โดยเฉพาะในภาวะที่มี ‘ตัวแปรมาก’ อย่างปีนี้

ทั้งนี้ ความเป็นไปได้ในการชนะเลือกตั้งของประธานาธิบดีทรัมป์, นโยบายควบคุมเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ รวมถึงแนวโน้มของตลาดหุ้น ล้วนเป็นปัจจัยร่วมที่ส่งผลต่อราคาบิตคอยน์ในไตรมาสสุดท้าย จากเหตุนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จึงเห็นพ้องว่า *การคาดราคาบิตคอยน์จากฤดูกาลเพียงอย่างเดียวเป็นเรื่องอันตราย* และควรใช้ความระมัดระวังในการประเมินอย่างรอบด้าน