วิตาลิก บูเตอริน(Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม(ETH) แสดงความเห็นเกี่ยวกับบทบาทจริงของ *สเตเบิลคอยน์* โดยชี้ว่า “การทำธุรกรรมด้วยสเตเบิลคอยน์ต้นทุนต่ำ” คือหนึ่งใน *ประโยชน์หลัก* ที่คริปโตสามารถนำเสนอ พร้อมระบุว่า เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการพลิกโฉมระบบการชำระเงินทั่วโลก
เมื่อเร็ว ๆ นี้ บูเตอรินได้โพสต์ในแพลตฟอร์ม X ถึงโปรเจกต์สเตเบิลคอยน์ตัวใหม่ที่ชื่อว่า *โคเด็กซ์(Codex)* โดยกล่าวชื่นชมการออกแบบที่เชื่อมโยงกับ *เลเยอร์ 1 ของอีเธอเรียม* ตั้งแต่เริ่มต้นในฐานะ *โซลูชันเลเยอร์ 2 (L2)* พร้อมแสดงความเห็นว่า การสร้าง “ซินเนอร์จี” แทนการแข่งขันกันโดยตรง นับเป็นแนวทางที่ช่วยให้อีเธอเรียมรักษาความเป็นผู้นำในระบบการเงินสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกได้อย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน *สเตเบิลคอยน์* มีบทบาทสำคัญในกระบวนการ onboarding ของผู้ใช้งานคริปโต โดยช่วยให้สามารถซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลหลากหลายประเภท เช่น บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), และริปเปิล(XRP) ได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย อีกทั้งยังเปรียบเสมือน *จุดเชื่อมโยงที่ส่งผ่านคุณค่าอย่างชัดเจน* เมื่อเทียบกับ NFT หรือมิมคอยน์ต่าง ๆ
บูเตอรินยังเน้นว่า “การโอนเงินระหว่างประเทศและการชำระเงินผ่านสเตเบิลคอยน์ต้นทุนต่ำ” อาจเป็น *เกมเชนเจอร์* ที่ผลักดันให้คริปโตเข้าถึงผู้ใช้งานในวงกว้างมากขึ้น หากสามารถแก้ไขปัญหาความเป็นส่วนตัวและการเข้าถึงได้พร้อมกัน
ในแง่ของแนวโน้มตลาด โคอินเบสคาดว่า *ขนาดตลาดสเตเบิลคอยน์ทั่วโลก* อาจเติบโตแตะ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,668 ล้านล้านวอน) ภายในปี 2028 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากทิศทางกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้น และสภาพแวดล้อมฟินเทคโลกที่เอื้ออำนวย
คำกล่าวของบูเตอรินในครั้งนี้ยังช่วย *ตอกย้ำมุมมองเชิงบวกของอุตสาหกรรม* ที่มีต่อระบบนิเวศของสเตเบิลคอยน์ ซึ่งขยายอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่โปรเจกต์ที่ใช้แพลตฟอร์มอย่าง Telegram ไปจนถึง PYUSD ของเพย์พาล รวมถึงโปรเจกต์จากสถาบันการเงินดั้งเดิม หากอีเธอเรียมยังคงเดินหน้าในแนวทางแบบเปิดกว้างและขับเคลื่อนด้วยพันธมิตร ก็มีแนวโน้มจะทิ้งห่างแพลตฟอร์มคู่แข่ง เช่น ทรอน(TRX) ได้มากขึ้นอีกในอนาคต
ความคิดเห็น 0