ลาการ์ดเร่ง EU ปิดช่องโหว่กฎระเบียบสเตเบิลคอยน์ หวั่นกระทบเสถียรภาพการเงิน

คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) เร่งอุดช่องโหว่ด้าน *กฎระเบียบของสเตเบิลคอยน์* โดยเฉพาะในกรณีของเหรียญที่ออกโดยบริษัทนอกภูมิภาค EU ซึ่งอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน

เมื่อวันที่ 24 ลาการ์ดกล่าวในที่ประชุมประจำปีครั้งที่ 9 ที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการระบบความเสี่ยงของยุโรปว่า กรณีที่ผู้ประกอบการภายใน EU ร่วมมือกับบริษัทภายนอกเพื่อนำเสนอ *สเตเบิลคอยน์* อาจก่อให้เกิด ‘ช่องว่างทางกฎหมาย’ ที่ EU ยังไม่มีมาตรการครอบคลุม พร้อมย้ำว่า ผู้ร่างกฎหมายของ EU ควรเตรียมแนวทางรองรับอย่างเร่งด่วน

ลาการ์ดยังเตือนว่า *ผู้ออกสเตเบิลคอยน์ต้องมีโครงสร้างการชำระคืนที่เชื่อถือได้และมีสินทรัพย์หนุนหลังอย่างเต็มรูปแบบ* ไม่มีข้อยกเว้น หากไม่มีหลักประกันที่เพียงพอ ก็ไม่ควรได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ตลาดยุโรป เธอแสดงจุดยืนชัดเจนว่า นักลงทุนภายใน EU ควรสามารถแลกเปลี่ยนเหรียญที่มูลค่าเต็มหน้า (*par value*) ได้ตลอดเวลา โดยผู้ออกเหรียญจะต้องจัดเตรียมสำรองไว้รองรับความต้องการดังกล่าว

"หากเกิดภาวะความตื่นตระหนกในตลาด หรือเกิด *ภาวะถอนเงินพร้อมกัน (Bank Run)* นักลงทุนจะพยายามแลกคืนเหรียญผ่านเขตที่มีกฎระเบียบเข้มงวดอย่าง EU เป็นลำดับแรก" ลาการ์ดกล่าว พร้อมเสริมว่า “แต่ทุนสำรองที่จัดเก็บใน EU อาจไม่พอรับมือกับอุปสงค์มหาศาลที่เกิดขึ้นในทันทีได้”

โดยทั่วไป *สเตเบิลคอยน์* คือสกุลเงินดิจิทัลที่ผูกมูลค่ากับเงินเฟียต เช่น ดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร เพื่อรักษาเสถียรภาพของราคา ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สเตเบิลคอยน์เติบโตอย่างรวดเร็วทั่วโลก และหลายประเทศกำลังเร่งออก *กฎเกณฑ์เพื่อควบรวมกับระบบการเงินแบบดั้งเดิม*

แม้ ECB กำลังขับเคลื่อนโครงการ *ยูโรดิจิทัล* มาอย่างต่อเนื่อง แต่ต้องเผชิญแรงกดดันใหม่จากฝั่งสหรัฐฯ โดยรัฐบาลของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* กำลังผลักดันร่างกฎหมายควบคุมสเตเบิลคอยน์ ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่จะส่งผลต่อ *การแข่งขันเพื่อชิงความเป็นผู้นำด้านกฎระเบียบในระดับโลก*

*เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา* สภาคองเกรสสหรัฐฯ ได้ร่างกรอบกฎหมายสำหรับการออกสเตเบิลคอยน์ ที่เอื้อต่อผู้ให้บริการเหรียญที่อิงกับดอลลาร์ เป็นไปได้ว่า สหรัฐฯ อาจสร้างความได้เปรียบเชิงโครงสร้างให้กับภาคธุรกิจในประเทศ

ทั้งนี้ ปิเอโร ชิปโปโลเน กรรมการบริหาร ECB ให้ความเห็นเมื่อ *เดือนเมษายน* ว่า “นโยบายของสหรัฐฯ ไม่ใช่แค่เรื่องค่าธรรมเนียมหรือการไหลของข้อมูลเท่านั้น แต่จะส่งผลให้เงินฝากของยุโรปไหลออกไปยังสหรัฐฯ และทำให้บทบาทของดอลลาร์ในการชำระเงินระหว่างประเทศยิ่งใหญ่ขึ้น” โดยเขาเตือนว่า สิ่งนี้ *อาจลดความสำคัญของยูโรในการค้านานาชาติอย่างมีนัยะสำคัญ*

ขณะที่สถานการณ์ใน *จีน* ก็จับตาไม่น้อย โดยสื่อท้องถิ่นรายงานเมื่อเดือนสิงหาคมว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาออก *สเตเบิลคอยน์ที่ผูกกับเงินหยวน* เพื่อชดเชยความล่าช้าในการเปิดตัวยวนดิจิทัลอย่างเป็นทางการ ถึงแม้จะยังไม่มีการยืนยันแผนการดังกล่าวจากภาครัฐ จุดนี้แสดงให้เห็นว่าจีนอาจกำลังเตรียมพร้อมเข้าสู่สนามแข่งขันเช่นกัน

ในภาพรวม ความเคลื่อนไหวนี้เป็นสัญญาณว่า *การแข่งขันระดับโลกเพื่อชิงอิทธิพลด้านสเตเบิลคอยน์* ได้เปิดฉากอย่างเต็มตัวแล้ว โดยเฉพาะระหว่างเงินดอลลาร์ ยูโร และหยวน ที่ต่างพยายามขยายอิทธิพลในเวทีดิจิทัล สถานการณ์นี้มีแนวโน้มจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อทิศทางของระบบชำระเงินโลกในยุคดิจิทัล ซึ่งทั่วโลกจับตาความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางในแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด