บริษัทบริหารสินทรัพย์คริปโต *ชาร์พลิงก์(SharpLink)* ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดินหน้า *แผนซื้อหุ้นคืน* เพื่อหนุนราคาหุ้น หลังมองว่าปัจจุบันราคาหุ้นของบริษัทต่ำกว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ(NAV) ซึ่งสะท้อนถึงการประเมินมูลค่าทางตลาดที่ยังต่ำกว่าความเป็นจริง โดย *ชาร์พลิงก์* เป็นบริษัทคริปโตที่มีทรัพย์สินในคริปโตมากเป็นอันดับสองเมื่อวัดจากจำนวนการถือครองอีเธอเรียม(ETH)
เมื่อวันที่ 24 บริษัทได้ประกาศแผนซื้อหุ้นคืนมูลค่าสูงถึง 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 52,850 ล้านบาท) พร้อมระบุว่า “ภายใต้สภาพที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่า NAV ในปัจจุบัน การซื้อหุ้นคืนจะส่งผลเชิงบวกทันทีต่อมูลค่าผู้ถือหุ้น” โดย *โจเซฟ ชาลอม(Joseph Chalom)* ซีอีโอบริษัท กล่าวว่า “ตลาดกำลังประเมินมูลค่าธุรกิจของเราต่ำเกินไป” พร้อมเน้นถึงการเลือกใช้วิธี “กระจายเงินทุนเชิงกลยุทธ์ผ่านการซื้อหุ้นคืน แทนการออกหุ้นใหม่”
การดำเนินการนี้เกิดขึ้นหลังจากไม่กี่วันก่อน นักวิเคราะห์จากบริษัท *นิวยอร์กดิจิทัลอินเวสต์เมนต์กรุ๊ป(NYDIG)* ระบุว่า “บรรดาบริษัทจัดการทรัพย์สินคริปโตควรพิจารณาซื้อหุ้นคืนเมื่อราคาหุ้นร่วงต่ำกว่ามูลค่า NAV” พร้อมเตือนว่า ในช่วงที่ส่วนต่างราคาต่อ NAV ลดลง การถือครองทรัพย์สินคริปโตเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการสร้างความเชื่อมั่นต่อตลาดได้
ในการซื้อคืนรอบแรก *ชาร์พลิงก์* ได้ซื้อหุ้นสามัญจำนวน 939,000 หุ้น ในราคาเฉลี่ย 15.98 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น (ประมาณ 22,234 บาท) ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่มีเป้าหมายทั้งการส่งเสริม NAV ตามมูลค่าคริปโตที่ถือไว้ และการกระตุ้นราคาหุ้นให้ปรับตัวสูงขึ้น *ความคิดเห็น*: นี่อาจสะท้อนถึงปฏิกิริยาของตลาดที่เริ่มให้ความสำคัญกับกลยุทธ์เชิงรุกในตลาดคริปโตมากขึ้น โดยราคาหุ้นของชาร์พลิงก์ในวันเดียวกันพุ่ง 6.59% ไปอยู่ที่ 16.69 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 23,209 บาท) สะท้อนถึงการตอบรับในเชิงบวกจากนักลงทุน โดยบริษัทมีรหัสหุ้น SBET ในตลาดหุ้นแนสแด็ก
นอกเหนือจากการค้ำจุนราคาหุ้นแล้ว การเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังอาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตลาดเริ่มให้ความสำคัญกับ *มูลค่าที่แท้จริงของบริษัทที่ถือครองอีเธอเรียมเป็นสินทรัพย์หลัก* ในช่วงที่นักลงทุนกำลังปรับเปลี่ยนแนวคิดต่อยุทธศาสตร์การเงินคริปโต บทบาทของบริษัทที่มีฐานทรัพย์สินหนุนหลังจริงอาจกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นใหม่ในตลาดคริปโตในระยะยาว
ความคิดเห็น 0