คณะกรรมการกำกับการซื้อขายล่วงหน้าแห่งสหรัฐ (CFTC) กำลังพิจารณาแนวทางใหม่ที่อาจเปิดทางให้ตลาดคริปโตในสหรัฐยอมรับ ‘MiCA’ หรือกรอบกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลของสหภาพยุโรป(EU) โดยตรง ซึ่งอาจทำให้แพลตฟอร์มซื้อขายจากต่างประเทศที่ปฏิบัติตาม MiCA สามารถให้บริการในสหรัฐได้ทันที ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ CFTC ที่จะผลักดัน ‘ความสอดคล้องด้านกฎระเบียบระหว่างประเทศ’ และอาจส่งแรงสั่นสะเทือนไปยังตลาดคริปโตในวงกว้างทั้งในระยะกลางและระยะยาว
แคโรไลน์ แพม(Caroline Pham) รักษาการประธาน CFTC กล่าวเมื่อไม่นานนี้ว่า หน่วยงานกำลังมองหาวิธีอนุญาตให้แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตต่างชาติที่ปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด สามารถเข้ามาดำเนินธุรกิจในตลาดสหรัฐได้โดยไม่ต้องผ่านระบบขอรับรองสถานะเป็น ‘ตลาดสัญญาที่กำหนดไว้ (DCM)’ อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มที่ปฏิบัติตาม MiCA ซึ่งถือว่าเป็นกฎระเบียบที่มีความชัดเจนและเข้มงวด
ปัจจุบัน แพลตฟอร์มจากต่างประเทศบางแห่งสามารถให้บริการในสหรัฐผ่านโครงการ *ตลาดซื้อขายล่วงหน้าต่างประเทศ (FBOT)* ได้แล้ว แต่ CFTC ต้องการขยับไปอีกขั้น โดยการนำเกณฑ์ MiCA มาเป็นมาตรฐานในการตัดสินใจ อันจะช่วยยกระดับกฎระเบียบในภาพรวม พร้อมทั้งสนับสนุนการคุ้มครองนักลงทุนในสหรัฐไปพร้อมกัน
หากข้อเสนอดังกล่าวถูกนำมาใช้จริง นี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้ ‘แพลตฟอร์มต่างชาติสามารถเข้าสู่ตลาดสหรัฐโดยตรง’ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งนิติบุคคลในสหรัฐหรือผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อนอีกต่อไป ซึ่งช่วยลดภาระด้านเอกสารและค่าดำเนินการ ขณะเดียวกัน นักลงทุนในสหรัฐก็จะมี *ตัวเลือกในการซื้อขายที่หลากหลาย* มากขึ้น ผลที่ตามมา คือ การยกระดับการยอมรับคริปโตในสหรัฐ และผลักดันให้เกิด ‘สภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เชื่อมโยงกับมาตรฐานสากล’
สำหรับ MiCA ซึ่งเตรียมบังคับใช้จริงในช่วงปลายปี 2024 ตั้งเป้าเพิ่มความโปร่งใสในตลาดคริปโต พร้อมสร้างระบบกำกับดูแลที่ชัดเจนสำหรับผู้ออกเหรียญและผู้ให้บริการ อย่างกรณี *บริษัทคอยน์เบส(Coinbase)* ที่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ต้องยุติโปรแกรมรางวัลสำหรับ USDC ในเขตเศรษฐกิจยุโรป(EEA) เนื่องจากปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ แม้จะทำให้เกิดแรงกดดันในระยะสั้น แต่ก็ช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่นในตลาดได้ในที่สุด
มาร์ก โกไฟเซน(Mark Gofaizen) ผู้ร่วมก่อตั้ง Gofaizen & Sherle แสดงความคิดเห็นว่า “MiCA คือฐานรากที่ทำให้ยุโรปกลายเป็นศูนย์กลางฟินเทคและระบบโอนเงินระดับโลก” พร้อมระบุว่า “การที่ CFTC พิจารณานำโมเดลนี้มาอ้างอิง บ่งบอกถึงความเคลื่อนไหวเพื่อ ‘ยกระดับภาคคริปโตของสหรัฐเข้าสู่ระดับสถาบัน’ อย่างชัดเจน”
ท่าทีล่าสุดของ CFTC เป็นสัญญาณว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังวางตัวเองเป็น ‘ศูนย์กลางความร่วมมือด้านกฎระเบียบสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก’ โดยการส่งสารที่ชัดเจนถึงนานาประเทศเรื่องการผสานตลาดและลดข้อจำกัดทางกฎหมาย ซึ่งในระยะยาวอาจช่วยเสริมสร้าง ‘ความเชื่อถือระหว่างแพลตฟอร์มต่างประเทศกับนักลงทุนสหรัฐ’ และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของทั้งตลาดคริปโตไปสู่มาตรฐานโลก
ความคิดเห็น 0