รัฐบาลจอร์เจียจับมือกับฟินเทคสัญชาติสหรัฐอย่างฟาร์มเวย์ เทคโนโลยีส์(Farmway Technologies) เดินหน้าสู่การ ‘โทเคนไรซ์อุตสาหกรรมอัลมอนด์’ อย่างเป็นทางการ ด้วยโครงการที่ผสาน ‘บล็อกเชน’ เข้ากับ ‘ทรัพย์สินทางกายภาพ (RWA)’ มูลค่าสูงถึง 100 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,390 ล้านบาท) โดยมีเป้าหมายหลักคือการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรของประเทศและดึงดูดการลงทุนระดับโลกในเวลาเดียวกัน
เงินลงทุนจำนวนนี้ฟาร์มเวย์จะนำไปใช้พัฒนา ‘โครงสร้างพื้นฐานการเกษตร’ ทั่วประเทศจอร์เจีย รวมถึงโรงงานแปรรูป ระบบขนส่ง และระบบชลประทาน ครอบคลุมพื้นที่ราว 500 เฮกตาร์ (ประมาณ 1,236 เอเคอร์) พร้อมเดินหน้าสร้างสายการผลิตผลิตภัณฑ์จากอัลมอนด์ เช่น ‘ผงนมอัลมอนด์’ น้ำมัน และสารสกัดจากเมล็ดอัลมอนด์ ข้อมูลจากอุปมันยู มิศรา(Upmanyu Misra) ซีอีโอของฟาร์มเวย์ ระบุว่า “อัลมอนด์ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมเกษตรของจอร์เจีย” พร้อมคาดการณ์ว่าผลผลิตจะเพิ่มจาก 2,500 ตันในปี 2023 เป็น 14,000 ตันในปี 2027 หรือโตเกือบ 6 เท่า
ณ ปี 2023 จอร์เจียมีพื้นที่ปลูกอัลมอนด์ราว 6,000 เฮกตาร์ พร้อมบริษัทผลิตหลักอย่าง อูดาบโน(Udabno), นัตส์ อินคอร์เปอเรท(Nuts Incorporated) และ นัตส์ คัลติเวชั่น คอมพานี(Nuts Cultivation Company) ท่ามกลางความต้องการ ‘อัลมอนด์ในประเทศ’ ที่พุ่งสูง แทนที่ของนำเข้าอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2024 การนำเข้าลดลงถึง 49% ขณะที่การส่งออกยังคงเติบโตต่อเนื่อง
ความร่วมมือในครั้งนี้ยังต่อยอดจากโครงการนำร่องมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์ (ราว 278 ล้านบาท) ของฟาร์มเวย์ซึ่งประสบความสำเร็จก่อนหน้า โดยมิศรายืนยันว่าโครงการดังกล่าวพิสูจน์แล้วว่า ‘การโทเคนไรซ์กับระบบบล็อกเชน’ มีความเป็นไปได้จริง และให้ประสิทธิภาพทางการเงินแก่ภาคการเกษตรอย่างชัดเจน
การโทเคนไรซ์ที่กำลังจะเริ่มต้นนี้จะเปลี่ยน ‘ที่ดิน ระบบน้ำ และโรงงานแปรรูป’ ให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล โดยแต่ละโทเคนจะเทียบเท่ากับ ‘สิทธิความเป็นเจ้าของบางส่วนในสินทรัพย์จริง’ โดยการซื้อขายและตรวจสอบความเป็นเจ้าของจะดำเนินผ่าน ‘บล็อกเชน’ ทั้งหมด มิศราเสริมว่า “ระบบการเงินด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ยังเผชิญข้อจำกัดด้านขั้นตอนราชการและต้นทุนสูง” ก่อนระบุว่า ‘การโทเคนไรซ์’ จะเป็นการเปิดทางเลือกให้ ‘นักลงทุนเข้าถึงง่ายขึ้น เพื่อการลงทุนที่เร็วกว่ามีประสิทธิภาพกว่า’
ฟาร์มเวย์ได้เลือกใช้มาตรฐาน ERC-20 บนเครือข่ายอีเธอเรียม(ETH) สำหรับ ‘โทเคนสินทรัพย์เกษตร’ ขณะที่สินทรัพย์ RWA ประเภทดิจิทัลซีเคียวริตี้จะใช้มาตรฐาน ERC-1155 เพื่อตอบโจทย์ทั้งสินทรัพย์ที่มีลักษณะ ‘ไม่สามารถทดแทนกันได้’ และ ‘สามารถทดแทนกันได้’ ไปพร้อมกัน ทั้งนี้ ฟาร์มเวย์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2020 และกำลังดำเนินโครงการโทเคนไรซ์พืชเกษตรมากกว่า 7 ประเทศทั่วโลก เช่น กาแฟ อบเชย ลาเวนเดอร์ และอัชวากันดา
ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม RWA.xyz ระบุว่า ‘ตลาดโทเคนไรซ์ของวัตถุดิบทางธรรมชาติทั่วโลก’ มีขนาดกว่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,475 ล้านบาท) หรือคิดเป็น 9% ของมูลค่าตลาด RWA ทั้งหมดที่อยู่ที่ 27.8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 38,642 ล้านบาท) โดยแม้จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ตลาดนี้ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มทองคำที่นำโดยพัคซอสโกลด์(PAXG) และเทเธอร์โกลด์(XAUT) รวมถึง ‘สินค้าเกษตร’ และ ‘โลหะมีค่า’ ที่เริ่มกลายเป็นกลุ่มทรัพย์สินหลักในโลกโทเคน
การขยายตัวของฟาร์มเวย์ในจอร์เจียจึงสะท้อนให้เห็นว่า ‘การโทเคนไรซ์สินทรัพย์ทางกายภาพ’ อาจกลายเป็น *ขุมพลังใหม่ของอุตสาหกรรมคริปโต* ได้จริง โดยมี ‘อัลมอนด์’ เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้าง *ระบบนิเวศการลงทุนเกษตรระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชน* อย่างเป็นรูปธรรม
ความคิดเห็น 0