แจ็ก แมคโดนัลด์ รองประธานอาวุโสฝ่ายสเตเบิลคอยน์ของริปเปิล(Ripple) เปิดเผยระหว่างการให้สัมภาษณ์ล่าสุดว่า การชนะคดีต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ถือเป็น “จุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์ของบริษัท” ซึ่งการตัดสินของศาลในครั้งนี้ช่วยยืนยันความถูกต้องของโมเดลธุรกิจที่ริปเปิลปฏิบัติอยู่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยยึดมั่นในความสอดคล้องตามกฎระเบียบมาโดยตลอด
ผลของคำตัดสินยังส่งผลให้สถานการณ์รอบตัวบริษัทเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่สภาวะข้อพิพาทกับ SEC เคยถูกมองว่าเป็น *ความเสี่ยงด้านความไม่แน่นอนทางการเงิน* มาสู่บรรยากาศที่สถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มยื่นข้อเสนอความร่วมมือกับริปเปิลอีกครั้ง แมคโดนัลด์ระบุว่า “ทัศนคติของทั้งองค์กรเปลี่ยนลงมาในทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน”
ในอีกด้านหนึ่ง ริปเปิลกำลังเตรียมเปิดตัวสเตเบิลคอยน์ของตัวเอง ‘ริปเปิล ยูเอสดี(RLUSD)’ สู่ตลาดญี่ปุ่น โดยร่วมมือกับเอสบีไอ โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นกลุ่มการเงินรายใหญ่ของญี่ปุ่น ผ่านแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเอสบีไอ วีซีเทรด(SBI VC Trade) ซึ่งมีแผนจะเปิดตัว RLUSD ในญี่ปุ่นภายในไตรมาสแรกของปี 2026 อย่างไรก็ตาม แมคโดนัลด์เผยว่า ยังต้องรอ ‘การอนุมัติขั้นสุดท้ายจากหน่วยงานกำกับท้องถิ่น’ ก่อนที่จะสามารถเริ่มต้นการใช้งานได้จริง
เขายังแบ่งปันวิสัยทัศน์เกี่ยวกับ RLUSD โดยชี้ว่าในระยะกลางถึงระยะยาว มี *ศักยภาพในการเติบโตจนมีมูลค่าตลาดแตะระดับ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* หรือราว 13.9 ล้านล้านวอน เทียบกับมูลค่าปัจจุบันที่อยู่ที่ประมาณ 723 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1 ล้านล้านวอน ซึ่งหมายถึงโอกาสการเติบโตที่ยังมีเหลืออีกมาก
จากทิศทางใหม่นี้ หลายฝ่ายจับตามองว่า การชนะคดีของริปเปิลจะช่วยเร่งขยายธุรกิจระหว่างประเทศ รวมถึงการสร้างระบบนิเวศในโลกของสเตเบิลคอยน์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น *กลยุทธ์ใหม่ของริปเปิลในการผลักดัน XRP และ RLUSD สู่แนวหน้า* กำลังกลายเป็นจุดสนใจในวงการการเงินดิจิทัลระดับโลกในขณะนี้
ความคิดเห็น 0