กระเป๋าเงินของแฮกเกอร์ชื่อดังที่เคยพุ่งเป้าโจมตีตลาดซื้อขายคริปโตชื่อดัง *คอยน์เบส(COIN)* ถูกตรวจพบว่าเพิ่งซื้อ *อีเธอเรียม(ETH)* จำนวนมหาศาล โดยตามรายงานของบริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน อากัม อินเทลลิเจนซ์ เมื่อวันที่ 1 (เวลาท้องถิ่น) กระเป๋าเงินดังกล่าวได้ดำเนินการซื้อ *ETH* จำนวน 3,976 เหรียญในคราวเดียว คำนวณตามราคาตลาดที่ประมาณ 4,756 ดอลลาร์ต่อเหรียญ คิดเป็นมูลค่ารวมราว 18.91 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 263.4 ล้านบาท
มีการเปิดเผยว่าแฮกเกอร์รายนี้ใช้ *ได(DAI)* ซึ่งเป็น ‘สเตเบิลคอยน์’ เป็นตัวกลางในการซื้อขาย อีกทั้งก่อนหน้านั้น ยังมีเบาะแสว่ามีการรวบรวมยอด *DAI* หลายรายการที่มีมูลค่าตั้งแต่ 80,000 ดอลลาร์ไปจนถึง 6 ล้านดอลลาร์ ไว้ในกระเป๋าเงินเดียว ก่อนจะดำเนินการซื้อ *ETH* ก้อนใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการวางแผนล่วงหน้าและกลยุทธ์การบริหารเงินที่ซับซ้อน
กระเป๋าเงินที่ทำธุรกรรมครั้งนี้ ยังมีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ *ฟิชชิ่ง* ครั้งใหญ่บน *คอยน์เบส* โดยมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 300 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4,170 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่การโจมตีแบบเทคนิคทั่วไป แต่เป็นการใช้กลยุทธ์ทางสังคม เช่น การส่งอีเมลปลอม หรือพนักงานบริการลูกค้าแฝง เพื่อหลอกขอข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมาก
แจ็คเอ็กซ์บีที(ZachXBT) ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยบนบล็อกเชน เผยเมื่อเดือนพฤษภาคมว่า แคมเปญของแฮกเกอร์รายนี้อาจมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 330 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4,587 ล้านบาท โดยให้ความเห็นว่า “ยอดที่รายงานนี้อาจยังไม่สะท้อนความเสียหายทั้งหมดจริง ๆ” พร้อมเสริมว่าแหล่งข้อมูลที่ใช้ส่วนใหญ่มาจากข้อความส่วนตัว (DM) และข้อมูลบนเชนบางส่วนเท่านั้น
การเคลื่อนไหวล่าสุดทำให้กระเป๋าเงินนี้กลับมาเป็นเป้าหมายของนักวิเคราะห์อีกครั้ง และก่อให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่า อาจเป็นแผนดำเนินการฟอกเงิน หรือการหากำไรจากภาวะตลาดขาขึ้นของ *อีเธอเรียม* ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของเหรียญในกระเป๋าดังกล่าวจะถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากกรณีแฮกบัญชี *คอยน์เบส* ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบและสะท้อนว่าภัยไซเบอร์ในโลกคริปโตยังไม่จางหายไปไหน
ความคิดเห็น 0