บิตคอยน์(BTC) พุ่งทะลุระดับ 116,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.6 ล้านบาท ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นสหรัฐที่แข็งแกร่ง และความคาดหวังว่าเฟดจะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้น ส่งผลให้บิตคอยน์กลายเป็นจุดสนใจของนักลงทุนอีกครั้ง โดยนักวิเคราะห์บางรายประเมินว่า แนวโน้มสะสมเหรียญของ ‘นักขุด’ ที่ปรากฏชัดในช่วงนี้ มีความคล้ายคลึงกับช่วงก่อนที่ราคาบิตคอยน์จะพุ่งขึ้นถึง 48% เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อ อาจช่วยดันราคาบิตคอยน์ขึ้นเหนือระดับ 140,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.94 ล้านบาทในระยะยาว
ปัจจัยสำคัญที่อยู่เบื้องหลังรอบการปรับขึ้นครั้งนี้ คือ ‘การทำจุดสูงสุดใหม่ของดัชนี S&P500’ และ ‘ความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐ’ แนวโน้มการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงกลับมาอีกครั้ง และสะท้อนไปถึงตลาดคริปโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะ ‘พฤติกรรมสะสมของนักขุด’ ที่ไม่ต่างจากช่วงเริ่มต้นบูลรันเดิม ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่านี่คือสัญญาณเชิงบวกในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ยังมีเสียงเตือนในเชิง ‘ระมัดระวัง’ จากนักลงทุนบางกลุ่ม ที่มองว่าแรงกดดันด้าน ‘เงินเฟ้อที่อาจกลับมาสูงขึ้น’ และ ‘ความเปราะบางของการบริโภค’ อาจทำให้ตลาดปรับตัวสวนทางกับความคาดหวัง หากเฟดไม่ได้ลดดอกเบี้ยตามที่คาดไว้ ความเสี่ยงจากการคาดการณ์ที่เกินจริงอาจฉุดราคาบิตคอยน์กลับลงได้ในระยะสั้น
อีกหนึ่งปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคาคริปโตในระยะกลางถึงยาวคือท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเพิ่มความชัดเจนว่าตนเองมีจุดยืน ‘สนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโต’ ไม่ว่าจะเป็นในแคมเปญหาเสียง หรือกิจกรรมระดมทุนที่ผ่านมา โดยทรัมป์กล่าวย้ำว่า สหรัฐไม่ควรขัดขวางนวัตกรรมด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นท่าทีที่นักลงทุนจำนวนไม่น้อยมองว่าอาจช่วยสนับสนุนราคาบิตคอยน์ในอนาคต
แม้ตลาดคริปโตเคลื่อนไหวในแดนบวกจากการนำของบิตคอยน์ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ยังมี ‘ความผันผวนจากภาวะเศรษฐกิจมหภาค และความไม่แน่นอนทางการเมือง’ ที่อาจทำให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลกลับทิศทางได้ทุกเมื่อ ดังนั้นกลยุทธ์ที่เหมาะสมในช่วงนี้ คือการมองในมุม ‘การลงทุนระยะยาว’ โดยเฉพาะในภาวะที่นักขุดยังคงทยอยสะสมอย่างต่อเนื่อง ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่า นี่อาจเป็นช่วงเวลาทองอีกครั้งสำหรับผู้ที่มองเห็นภาพรวมในระยะยาวของบิตคอยน์
ความคิดเห็น 0