ฟาเบียน ดอรี(Fabian Dori) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของธนาคารสินทรัพย์ดิจิทัล ซิกแนม(Sygnum) เปิดเผยว่า ในโลกของ *คริปโต* การใช้ *สินทรัพย์ออนเชน* เป็นหลักประกันการกู้ยืมมีข้อได้เปรียบมากกว่าการใช้กองทุน ETF ที่อยู่ในตลาดซื้อขาย โดยระบุว่าสินทรัพย์ออนเชนให้ *โอกาสในการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากกว่า* สำหรับทั้งผู้ให้กู้และผู้กู้
ในการให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph เมื่อเร็วๆ นี้ ดอรีระบุว่า “ถ้าใช้ ETF เป็นหลักประกันจะมีข้อจำกัดช่วงเวลาทำการตลาด โดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์หรือดึกดื่น ซึ่งอาจทำให้ไม่สามารถดำเนินการเรียกเงินเพิ่ม (Margin Call) ได้ แต่ถ้า *ถือครองโทเคนโดยตรง จะสามารถบริหารจัดการการกู้ยืมได้ตลอด 24 ชั่วโมง*” เขาชี้ว่าโครงสร้างนี้เปิดโอกาสให้ผู้กู้สามารถขอสินเชื่อในอัตรา *มูลค่าหลักประกันต่อวงเงินกู้ (LTV)* ที่สูงกว่าและสามารถขายหลักประกันได้ในทันทีหากมีความจำเป็น
ในบริบทของการกู้ยืมในระบบ *คริปโต* อัตรา LTV เป็นดัชนีที่บ่งชี้ถึงสัดส่วนของวงเงินกู้ต่อมูลค่าของหลักประกัน เช่น บิตคอยน์(BTC) หรือ อีเธอเรียม(ETH) ดอรีอธิบายว่า *สภาพคล่องของหลักประกันและความสามารถในการซื้อขายแบบเรียลไทม์* คือปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะในตลาดที่มีความผันผวนสูง ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงของผู้ให้กู้ การมีระบบที่สามารถตรวจสอบมูลค่าหลักประกันแบบเรียลไทม์จึงจำเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับสถาบันการเงินและผู้ให้กู้ ดอรีกล่าวว่า *สินทรัพย์ออนเชนช่วยให้สามารถดำเนินการจัดการความเสี่ยงได้มีประสิทธิภาพมากกว่า* ด้วยการสะท้อนราคาทันทีและสามารถทำ Margin Call หรือการชำระบัญชีได้แบบเร่งด่วน โดยสรุป เขาย้ำว่า “ในการดำเนินการกู้ยืมจริง ปัจจุบัน *แนวโน้มการถือครองโทเคนโดยตรงเพื่อใช้ค้ำประกันเป็นที่นิยมมากขึ้น*” ความเห็นนี้ชี้ให้เห็นถึงทิศทางใหม่ของการกู้ยืมในโลกคริปโตที่เน้นประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น และการควบคุมความเสี่ยงแบบเรียลไทม์
ความคิดเห็น 0