ตลาดซื้อขายนักเตะในวงการฟุตบอลโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการนำ ‘สกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน’ มาเป็นเครื่องมือหลักในการจัดการกระบวนการซื้อขายนักเตะข้ามประเทศ จากเดิมที่เคยเผชิญความล่าช้าและความซับซ้อนในการดำเนินงานทางการเงิน ปัจจุบันบล็อกเชนกำลังเปลี่ยนภาพรวมของตลาดด้วยระบบที่รวดเร็ว โปร่งใส และลดการพึ่งพาระบบธนาคารแบบดั้งเดิม
บริษัทการตลาดด้านกีฬา สปอร์ตกเวค(SportQuake) เปิดเผยว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ‘43% ของจำนวนเงินในการสนับสนุนจากอุตสาหกรรมคริปโต’ ส่งตรงสู่สโมสรฟุตบอล โดยมูลค่าแตะ ‘213 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,963 ล้านบาท)’ ตัวเลขนี้สะท้อนว่า ฟุตบอลคือ ‘ตลาดกลยุทธ์หลัก’ ของวงการคริปโตในปัจจุบัน และไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเป็นผู้สนับสนุนบนเสื้อหรือป้ายโฆษณา แต่ได้ก้าวลึกไปถึงกระแสการเปลี่ยนผ่านด้านการเงินในตลาดซื้อขายผู้เล่น
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือกรณีของสโมสรฟุตบอลสมัครเล่นจากตุรกี ฮารูนุสทาสปอร์ ที่ในปี 2018 ใช้ ‘บิตคอยน์(BTC)’ เป็นส่วนหนึ่งของค่าตัวในการเซ็นสัญญานักเตะ โอเมอร์ ฟารุค คิโรกลู นับเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นที่เปิดทางให้หลายสโมสรทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น อินเตอร์ เด มาดริด, เซาเปาโล เอฟซี และ ราคอฟ เชสโตโชวา หันมาใช้การชำระเงินผ่านบล็อกเชนเพื่อลดเวลาในการทำธุรกรรมข้ามประเทศ พร้อมขจัดขั้นตอนที่เกินความจำเป็น
เซาเปาโล เอฟซี จากบราซิล เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ เมื่อพวกเขาคว้าตัว จูเลียโน กาลโลโป จากสโมสรบันฟิลด์ของอาร์เจนตินา โดยเผชิญกับความผันผวนจากตลาดเงินเปโซ ส่งผลให้สโมสรเลือกใช้ ‘USDC ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์’ ในการชำระค่าตัว ‘มูลค่าระหว่าง 6-8 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 83-111 ล้านบาท)’ แม้ว่าการควบคุมเงินทุนของอาร์เจนตินาจะลดประสิทธิภาพของการทำธุรกรรมไปบ้าง แต่ก็ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสกุลเงินดิจิทัลสามารถมอบ ‘เสถียรภาพของมูลค่า’ ในสถานการณ์ตลาดเงินไม่แน่นอนได้จริง
อีกมุมหนึ่งของศักยภาพบล็อกเชนคือการนำไปใช้กับการแข่งขันระดับทวีป เช่น การที่สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) นำเทคโนโลยีนี้มาจัดการระบบจ่ายเงินรางวัลตามผลงานในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หากดำเนินการได้สำเร็จ นี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลง ‘รูปแบบการจัดการด้านการเงินในอุตสาหกรรมฟุตบอลระดับโลก’ ได้อย่างเป็นระบบและโปร่งใสยิ่งขึ้น
ตัวอย่างของระบบดั้งเดิมที่ล้มเหลว เช่น กรณีปี 2015 ที่การย้ายทีมของดาบิด เด เคอา ระหว่างเรอัล มาดริด และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล้มเหลวเพราะความผิดพลาดของเครื่องแฟกซ์ ยังคงเป็นที่กล่าวถึงในวงการจนทุกวันนี้ ปัญหาเดิมยังเกิดขึ้นอยู่ในระบบข้ามประเทศที่มักใช้เวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์ และอาจพลาด ‘ดีลนาทีสุดท้าย’ ได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ด้วย ‘ระบบชำระเงินคริปโตที่อยู่ภายใต้กำกับดูแล’ การทำธุรกรรมสามารถเสร็จสิ้นภายในไม่กี่นาที ซึ่งสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันแย่งตัวนักเตะโดยสิ้นเชิง
อีกหนึ่งขั้นตอนที่สามารถเร่งมือได้ผ่านบล็อกเชน คือการทำให้กฎแฟร์เพลย์ทางการเงิน (Financial Fair Play หรือ FFP) มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการบันทึกข้อมูลการโอนเงินและบัญชีรายจ่ายต่าง ๆ ของสโมสรแบบ ‘ดิจิทัลบนเชนเดียว’ ทำให้ทุกการจับจ่ายใช้งานสามารถตรวจสอบได้ โปรแกรมควบคุมเหล่านี้สามารถป้องกันสโมสรจากการกระทำที่ขัดต่อกติกา และช่วยส่งเสริมความเป็นธรรมในการแข่งขัน
ไม่เพียงแต่สโมสรใหญ่ที่ได้รับผลบวกจากเทคโนโลยีนี้ ‘เครือข่ายคริปโตที่ได้รับการกำกับดูแล’ ยังช่วยให้ทีมขนาดเล็กสามารถเข้าถึงตลาดซื้อขายในระดับสากลได้ง่ายขึ้น โดยลดภาระในเรื่องของต้นทุนการแลกเปลี่ยนและค่าธรรมเนียม อีกทั้งยังรองรับการตัดสินใจแบบ ‘นาทีสุดท้าย’ ได้อย่างทันท่วงทีและลดความผิดพลาดอันเนื่องมาจากระบบดั้งเดิม
ในตอนนี้หลายสโมสรอาจยังใช้ ‘คริปโตเป็นเพียงช่องทางการสนับสนุนทางการตลาด’ แต่ในอนาคตแนวโน้มชัดเจนว่าอุตสาหกรรมจะ ‘ขยับขยายการใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชน’ ครอบคลุมไปถึงระบบจัดการงบประมาณ กระบวนการจ่ายค่าตัว และโครงสร้างทางการเงินโดยรวม ความเปลี่ยนแปลงเชิงลึกนี้อาจกลายเป็น ‘การปฏิวัติด้านการเงินอย่างยั่งยืนในโลกฟุตบอลสากล’ ได้ในที่สุด ความคิดเห็น: เมื่ออุตสาหกรรมฟุตบอลยอมรับบล็อกเชนอย่างเต็มรูปแบบ เราอาจได้เห็นความเท่าเทียมทางการเงินที่แท้จริงบนสนามแข่งขันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ความคิดเห็น 0