เฟดจ่อหั่นดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ ชี้ทิศทางใหม่ตลาดคริปโตทั่วโลก

ตลาดคริปโตอยู่ในภาวะตึงเครียดก่อนการตัดสินใจอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) ซึ่งคาดว่าจะมีผลกระทบต่อแนวโน้มระยะกลางของสินทรัพย์เสี่ยงอย่างชัดเจน ทั้งนี้ นักวิเคราะห์บางฝ่ายคาดการณ์ว่า ‘การปรับลดดอกเบี้ย’ จะเป็นปัจจัยบวกสำหรับตลาดการลงทุน ทว่าอีกฝ่ายกลับกังวลว่าอาจเกิดแรงขายเพื่อทำกำไรตามมาหลังจากการปรับขึ้นราคาในระยะสั้น

สัปดาห์นี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สหรัฐมีปฏิทินเศรษฐกิจแน่นขนัด โดยในวันที่ 17 (เวลาท้องถิ่น) จะมีการประกาศอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากคณะกรรมการตลาดเสรีแห่งสหรัฐ(FOMC) พร้อมการแถลงข่าวและการเปิดเผย ‘Dot-Plot’ หรือแนวโน้มดอกเบี้ยในอนาคต ข้อมูลจากตลาดซื้อขายล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยของชิคาโก(CME) บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักถึง *96.4%* ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลง *0.25%* ขณะที่โอกาสลดถึง *0.50%* คงอยู่เพียง *3.6%* เท่านั้น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในปีนี้ที่เฟดจะเริ่มวงจรการลดดอกเบี้ย

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เชื่อมั่นว่าเฟดจะเปลี่ยนท่าที คือความอ่อนแอของตลาดแรงงาน โดยตัวเลขการขอรับสวัสดิการว่างงานล่าสุดพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ ‘สัญญาณชะลอตัวทางเศรษฐกิจ’ เด่นชัดยิ่งขึ้น และเป็นชนวนให้เฟดเริ่มส่งสัญญาณเปลี่ยนทิศทางจากนโยบาย ‘ต้านเงินเฟ้อ’ สู่แนวทาง ‘ผ่อนคลายทางการเงิน’ รายงานจาก CobisiLetter ระบุว่า “เฟดน่าจะใช้ภาวะตลาดแรงงานที่อ่อนแอเป็นเหตุผลหลักในการปรับลดดอกเบี้ย”

ในแง่ของสินทรัพย์ดิจิทัล นิค รัค(Nick Ruck) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ LVRG Research แสดงความเห็นว่า ในภาวะที่ยังมี ‘ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมหภาคของสหรัฐ’ ควบคู่กับการพุ่งขึ้นของราคาทองคำ สินทรัพย์คริปโตเริ่มกลับมาได้รับความสนใจในฐานะ ‘เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในระยะยาว’ โดยเขาประเมินว่า *นโยบายการคลังแบบขยายตัว* และ *แนวโน้มผ่อนคลายของเฟด* อาจส่งผลให้วัฏจักรตลาดกระทิงของคริปโตยืดเยื้อไปถึงปี 2026 เลยทีเดียว นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า หากสหรัฐเข้าสู่ภาวะ *เงินเฟ้อพร้อมกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก (Stagflation)* สินทรัพย์อย่างทองคำและ *บิตคอยน์(BTC)* อาจได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในฐานะทางเลือกหลีกเลี่ยงความเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม บางมุมมองจากสถาบันการเงินใหญ่ยังคงระมัดระวัง แอนดรูว์ ไทเลอร์ (Andrew Tyler) หัวหน้าฝ่ายข่าวกรองตลาดทั่วโลกของ *เจพีมอร์แกน* แสดงความกังวลผ่านบันทึกการวิเคราะห์ว่า หากเฟดประกาศลดดอกเบี้ยในรอบนี้จริง ก็อาจกระตุ้น ‘แรงขายตามข่าว’ แทนที่จะเป็นแรงซื้อ จึงแนะนำให้นักลงทุนระวังการเคลื่อนไหวของราคาหลังข่าวสำคัญ

ปัจจัยอื่นๆ ที่จะกระทบตลาดในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขยอดขายปลีกเดือนสิงหาคม (17 ก.ย.) ดัชนีภาคการผลิตของธนาคารกลางฟิลาเดลเฟีย และจำนวนผู้ขอใช้สิทธิประกันการว่างงานรายสัปดาห์ (19 ก.ย.) อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางรายเห็นว่า ตัวเลขเศรษฐกิจรองเหล่านี้ไม่น่าจะส่งผลต่อภาพรวมของตลาดมากนัก

ในช่วงต้นสัปดาห์ ตลาดคริปโตแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการ ‘สะท้อนข้อมูลข่าวสารล่วงหน้า’ รวมถึงมีแรงขายกดดันลงมาเล็กน้อย โดยมูลค่ารวมของตลาดลดลงจากสัปดาห์ก่อนเกือบ *1%* เหลือประมาณ *4.13 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 5,733 ล้านล้านวอน)* ขณะที่ *บิตคอยน์(BTC)* เคยทะลุแนวต้าน *116,000 ดอลลาร์ (ราว 16.12 ล้านบาท)* ได้ถึงสองครั้งในวันก่อนหน้า แต่สุดท้ายถูกแรงขายดันลงมาอยู่ในช่วง *115,000 ดอลลาร์ (ราว 15.98 ล้านบาท)* ส่วน *อีเธอเรียม(ETH)* แม้เคยแตะระดับ *4,700 ดอลลาร์ (ราว 653,000 บาท)* ช่วงสุดสัปดาห์ แต่ขณะนี้ถอยลงมาอยู่ที่ *4,630 ดอลลาร์ (ราว 643,000 บาท)*

ด้านอัลต์คอยน์สำคัญอย่าง *ริปเปิล(XRP)*, *โซลานา(SOL)*, *คาร์ดาโน(ADA)* และ *เชนลิงก์(LINK)* เริ่มเห็นแรงขายอย่างชัดเจน ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมนักลงทุนที่อาจเลือกขายทำกำไรล่วงหน้าก่อนเหตุการณ์ใหญ่

‘น้ำเสียง’ และ ‘ท่าที’ ของเฟดในการประชุมสัปดาห์นี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อทิศทางของตลาดคริปโตในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เพียงการตัดสินใจหนึ่งครั้ง อาจสั่นสะเทือนสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกในพริบตาเดียว