ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) กำหนดจัดการประชุมในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ โดยมีหัวข้อหลักเกี่ยวกับ *สเตเบิลคอยน์* และ *การแปลงสินทรัพย์ทางการเงินเป็นโทเคน* ท่ามกลางความสนใจที่เพิ่มขึ้นในโซลูชันการชำระเงินยุคใหม่ โดยงานนี้จะเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรื่องผลกระทบของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีต่อโครงสร้างพื้นฐานของการเงินแบบดั้งเดิม
ในการแถลงอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 เฟดเปิดเผยว่า การประชุมจะเน้นไปที่ *กรณีการใช้งานใหม่ของสเตเบิลคอยน์และโมเดลทางธุรกิจ* รวมถึง *การโทเคนไนส์บริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน* อันเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ในการปฏิรูประบบการชำระเงินในสหรัฐฯ
แม้ว่าการแถลงจะออกในนามของคณะกรรมการบริหารของเฟดโดยรวม แต่คำอธิบายอย่างละเอียดนั้นมาจาก คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์(Christopher Waller) หนึ่งในผู้ว่าการเฟดโดยตรง เขาระบุว่า "ระบบการชำระเงินมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคและภาคธุรกิจ อีกทั้งเทคโนโลยีใหม่ยังสามารถช่วยยกระดับด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระบบการชำระเงินได้อีกด้วย" นอกจากนี้เขายังแสดงความสนใจที่จะฟังเสียงจากผู้ที่มีบทบาทในการพัฒนาโซลูชันการเงินแห่งอนาคตด้วย
ในช่วงเวลานี้วงการนโยบายของสหรัฐฯ โดยเฉพาะรัฐสภา มีการอภิปรายเรื่องการกำกับดูแล *สเตเบิลคอยน์* และ *สินทรัพย์ดิจิทัล* อย่างคึกคัก โดย *ทรัมป์* ในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยถัดไป ก็กำลังส่งสัญญาณสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้อย่างชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางนโยบายระยะยาว
การประชุมในเดือนตุลาคมจึงถูกจับตามองว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ โดยด้านหนึ่งคือการอภิปรายว่า *เทคโนโลยีโทเคนไนซ์จะสามารถบูรณาการเข้ากับระบบการเงินดั้งเดิมได้อย่างไร* ขณะที่อีกด้านหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่านี่คือโอกาสสำคัญที่สหรัฐฯ จะใช้ในการรักษาความเป็นผู้นำในตลาดการชำระเงินระดับโลก ซึ่งกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างรวดเร็ว
‘**สเตเบิลคอยน์**’, ‘**โทเคนไนเซชัน**’ และ ‘**ระบบชำระเงินดิจิทัล**’ จึงเป็นคำสำคัญที่ไม่เพียงสะท้อนทิศทางนโยบายของเฟด แต่ยังชี้ถึงอนาคตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังปรับตัวเข้าสู่โลกการเงินแบบใหม่อย่างเต็มรูปแบบ
ความคิดเห็น 0