ข่าว 
ข้อมูลเหรียญ 
แนะนำสื่อ 
ธนาคารหลายล้านบัญชีในประเทศไทยถูก ‘อายัดกลางดึก’ สร้างความเดือดร้อนให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์และพ่อค้าทั่วไป ขณะที่มาตรการ ‘จำกัดวงเงินโอน’ รายวันยิ่งโหมกระแสวิพากษ์ในวงกว้าง
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานการเงินของไทยได้ดำเนินการกวาดล้างแบบทั่วประเทศ ส่งผลให้บัญชีธนาคารราว *3 ล้านบัญชี* ถูกสงสัยว่าอาจเกี่ยวพันกับขบวนการฉ้อโกงและถูกสั่ง ‘อายัด’ ทันที รายงานระบุว่าวงเงินโอนรายวันก็ถูกจำกัดให้อยู่ระหว่าง *1,300 ดอลลาร์ (ราว 1.8 แสนบาท)* ถึง *5,500 ดอลลาร์ (ราว 7.6 แสนบาท)* เพื่อสกัดการนำบัญชีไปใช้ใน *การให้เช่าบัญชีเพื่อฟอกเงิน* ซึ่งเป็นกลโกงที่ระบาดมากขึ้นในช่วงหลัง
*สำนักงานปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์(CCIB)* ออกแถลงเมื่อวันที่ 15 ว่ามีผู้กระทำผิดใช้แพลตฟอร์มขายของออนไลน์ในการฟอกเงินอย่างเป็นระบบ โดยระบุว่า *“พ่อค้าแม่ค้าทั่วไปและร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็กอย่างไม่ตั้งใจตกเป็นเหยื่อ”* หลายรายพบว่าบัญชีของตนถูกอายัดโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เพราะระบบตรวจพบเส้นทางการเงินที่อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการฉ้อโกง
ด้าน *ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand)* ยอมรับว่า มาตรการนี้อาจส่งผลต่อประชาชนวงกว้าง พร้อมแสดงความกังวลว่า *“แม้จะเป็นมาตรการที่มีเป้าหมายเพื่อป้องกันอาชญากรรม แต่อาจเกิดผลข้างเคียงกับผู้ที่บริสุทธิ์”*
วิษณุ วิษณุสรศาสตร์ เลขาธิการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวชี้แจงต่อสถานการณ์ว่า "ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก" โดยระบุว่า "ธนาคารจะสามารถอายัดเงินได้สูงสุด 3 วัน และตำรวจสามารถขยายเวลาไม่เกิน 7 วัน ก่อนต้องปล่อยบัญชีหากไม่มีพฤติกรรมผิดปกติ"
ขณะที่อีกฟากหนึ่งของการสนทนาในโลกออนไลน์ *บิตคอยน์(BTC)* กลับกลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างมาก หลายคนชี้ให้เห็นว่า *"บิตคอยน์ไม่สามารถถูกอายัดได้"* จึงเป็นข้อได้เปรียบของสินทรัพย์ดิจิทัลแบบไร้ศูนย์กลาง ความเชื่อมั่นต่อ *คริปโตเคอร์เรนซี* เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนในการควบคุมบัญชีเงินฝากในระบบการเงินแบบดั้งเดิม
*ความคิดเห็น:* กรณีนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบการเงินที่ต้องพึ่งพารัฐและธนาคารเป็นคนกลาง ขณะที่บิตคอยน์และสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังก้าวขึ้นมาเป็นทางเลือกใหม่ที่ ‘ปลดล็อก’ อำนาจจากส่วนกลางให้อยู่ในมือของผู้ใช้มากขึ้น
ความคิดเห็น 0