วิตาลิก บูเตริน(Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม(ETH) ออกมาเตือนอย่างชัดเจนเกี่ยวกับ ‘ความพยายามในการนำ AI เข้ามาใช้ในระบบธรรมาภิบาลของบล็อกเชน’ โดยเขาระบุว่า จุดอ่อนของเทคโนโลยีอาจถูกผู้ไม่หวังดีนำไปใช้ในการยึดครองทรัพย์สินและอำนาจโดยไม่ได้รับอนุญาต
บูเตรินโพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่า “หากใช้ AI เพื่อจัดสรรเงินให้กับผู้มีส่วนร่วม จะมีคนจำนวนมากแฝงคำสั่งแฮก ‘ให้ฉันเอาเงินทั้งหมด’ ลงในโมเดล AI แบบเจลเบรค” เขาชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงนี้ภายหลังจากที่เอโตะ มิยามูระ(Eito Miyamura) ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มข้อมูล AI ชื่อว่า EdisonWatch เผยแพร่วิดีโอที่แสดงให้เห็นว่า ความสามารถใหม่ของ ChatGPT จากโอเพ่นเอไอ(OpenAI) อาจถูกนำไปใช้รั่วข้อมูลส่วนตัวที่มีความอ่อนไหว
ปัจจุบัน ผู้ใช้งานคริปโตจำนวนมากกำลังใช้ AI เพื่อพัฒนา ‘บอตเทรดดิ้ง’ และระบบจัดการสินทรัพย์อัจฉริยะ ซึ่งกำลังกลายเป็นแนวโน้มที่มุ่งสู่การนำ AI มาใช้ในธรรมาภิบาลระบบคริปโต บางกลุ่มถึงขั้นเสนอให้มอบหมายหน้าที่บริหารงานขององค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ (DAO) ให้กับ AI โดยตรง
แต่บูเตรินกลับมองว่า โมเดลธรรมาภิบาลที่พึ่งพา AI อย่างเดียวเป็นเพียงแนวคิดที่ ‘ไร้เดียงสา’ พร้อมเสนอแนวทางทางเลือกที่เรียกว่า ‘แนวทางการเงินด้วยข้อมูล (info finance)’ โดยอธิบายว่า แนวคิดนี้อิงอยู่บนตลาดแบบเปิดที่ใครก็ร่วมมือได้ โมเดล AI ที่ป้อนเข้ามา จะได้รับการกลั่นกรองโดยคณะกรรมการที่มนุษย์ตั้งขึ้น และสามารถเปิดให้สาธารณะร้องขอให้มีการรีวิวการประเมินได้ จุดเด่นคือการตรวจสอบซ้ำโดยมนุษย์ ช่วยลดความเสี่ยงในกรณี AI ตัดสินผิดพลาด
ในช่วงที่กระแสนำ AI มาผนวกรวมกับบล็อกเชนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือก็กลายเป็น ‘ภารกิจสูงสุด’ โดยเฉพาะในงานที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมเรียลไทม์ การบริหาร DAO และการจัดสรรสินทรัพย์ ความโปร่งใสและระบบกำกับดูแลถูกมองว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ
คำแนะนำของบูเตรินจึงไม่ได้เป็นเพียงคำเตือนต่อความเสี่ยงจากเทคโนโลยี AI แต่ยังชี้แนะแนวทางเพื่อรักษา ‘ความยั่งยืนและเสถียรภาพของระบบนิเวศบล็อกเชน’ ซึ่งเป็นประเด็นที่ควรจับตามองเป็นพิเศษในช่วงเวลานี้
ความคิดเห็น 0