แฮชไพรซ์ร่วงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์! บริษัทขุดบิตคอยน์(BTC) แห่ใช้พลังงานสะอาดลดต้นทุน

ผลกำไรจากการขุดบิตคอยน์(BTC) ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้บริษัทในอุตสาหกรรมขุดเริ่มหันมาใช้ ‘พลังงานหมุนเวียน’ อย่างจริงจังเพื่อควบคุมต้นทุน โดยล่าสุดตัวชี้วัดความคุ้มทุน ‘แฮชไพรซ์(Hash Price)’ ได้ลดลงต่ำกว่าระดับจุดคุ้มทุนที่ 40 ดอลลาร์ เหลือเพียงประมาณ 39.4 ดอลลาร์ต่อหน่วย เพต้ะแฮช(PH/s) ต่อวัน หรือราว 58,250 บาท ส่งผลให้การลดค่าใช้จ่ายกลายเป็นโจทย์สำคัญของธุรกิจขุดคริปโต

แฮชไพรซ์หมายถึงรายได้ที่นักขุดสามารถทำได้จากการใช้พลังการประมวลผลระดับหนึ่งในการเพิ่มบล็อกใหม่บนบล็อกเชน ซึ่งข้อมูลจาก Hashrate Index เผยว่าตัวเลขล่าสุดต่ำกว่าระดับ 40 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดที่ธุรกิจขุดโดยเฉลี่ยสามารถทำกำไรได้ ส่งผลต่อผลประกอบการของผู้ประกอบการอย่างชัดเจน

ในสถานการณ์นี้ บริษัทขุดบิตคอยน์ในสหรัฐอเมริกาหลายแห่งเริ่มใช้งานระบบขุดโดยอิงพลังงานสะอาด ล่าสุดบริษัท ซังกา รีนิวเอเบิลส์(Sangha Renewables) ได้ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี(เวลาท้องถิ่น)ว่า ได้เริ่มเปิดใช้งานโรงงานขุดบิตคอยน์พลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 20 เมกะวัตต์(MW) ที่แอคเตอร์เคาน์ตี้ รัฐเท็กซัส โรงงานดังกล่าวใช้พลังงานทั้งหมดจากแหล่งแสงอาทิตย์ คาดว่าจะสามารถลดต้นทุนการขุดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

สภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมขุดในปัจจุบันถูกกดดันจากราคาพลังงานที่ผันผวน ราคาบิตคอยน์ที่ยังไม่ฟื้นตัว และการแข่งขันที่สูงขึ้น ความคิดเห็นจากหลายฝ่ายชี้ว่า กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐกำลังมุ่งหน้าไปยังพลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม รวมถึงแหล่งพลังงานทางเลือกอื่น ๆ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ทั้งในแง่ประสิทธิภาพการดำเนินงานและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม

รัฐเท็กซัสกลายเป็น ‘จุดยุทธศาสตร์’ ของธุรกิจขุดคริปโต เพราะมีค่าไฟฟ้าโดยเฉลี่ยต่ำ ประกอบกับนโยบายรัฐที่เป็นมิตรต่อสินทรัพย์ดิจิทัล โครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่แข็งแกร่ง และทรัพยากรด้านพลังงานหมุนเวียนที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้หลายบริษัทกำลังพิจารณาย้ายฐานการผลิตมายังพื้นที่นี้

หากราคาบิตคอยน์ไม่สามารถดีดกลับได้ในเร็ววัน ขณะที่แฮชไพรซ์ยังตกต่ำลงต่อเนื่อง อาจนำไปสู่การปรับระดับความยากในการขุด และส่งผลให้ผู้ขุดรายเล็กบางรายจำเป็นต้องหยุดให้บริการไป ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า การปรับตัวไปสู่โครงสร้างพื้นฐาน ‘ขุดอย่างยั่งยืน’ โดยใช้พลังงานสะอาด อาจกลายเป็นกลยุทธ์หลักระยะกลางถึงยาวของอุตสาหกรรม ทั้งเพื่อควบคุมต้นทุน และรักษาเสถียรภาพของเครือข่ายบิตคอยน์ในภาพรวม