บิตคอยน์(BTC)แยกตัวจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ สวนกระแสหลังเฟดลดดอกเบี้ยรอบที่ 3

บิตคอยน์(BTC)เริ่มแสดงพฤติกรรมราคา *แยกตัว* ออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างชัดเจน ท่ามกลางการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สามของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในปีนี้ แม้บิตคอยน์จะร่วงลงเล็กน้อยหลังมีการประกาศ แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแตกต่างจากดัชนี S&P500 และแนสแด็กที่ทะยานขึ้นทันทีหลังจากข่าวการลดดอกเบี้ย

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (เวลาท้องถิ่น) เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า โดย S&P500, แนสแด็ก และดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทั้งหมดปิดบวกในวันเดียวกัน ขณะที่บิตคอยน์กลับเคลื่อนไหวสวนทาง โดยตกชั่วคราวและกลับขึ้นมาเพียงเล็กน้อย ไม่ได้สะท้อนอารมณ์ตลาดเช่นเดียวกับหุ้น

ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บิตคอยน์ทรุดตัวลงประมาณ 18% ขณะที่ดัชนีแนสแด็กพุ่งขึ้นถึง 21% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 14.35% และดาวโจนส์ขยับขึ้น 12.11% แม้จะมีเงินทุนจากตลาดการเงินแบบดั้งเดนทะลักเข้าตลาดคริปโตอย่างต่อเนื่องในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ *ดีคัปปลิ่ง* (Decoupling) หรือการแยกเส้นทางราคาจากตลาดหุ้นก็ยังคงชัดเจน

แม้จะสัมพันธ์น้อยลงกับตลาดหุ้น แต่บิตคอยน์กลับสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้ในบางช่วง และยังคงเลี่ยงการปรับฐานที่มักเกิดในเดือนกันยายนได้ถึงสามปีติดต่อกัน ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า ปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งการเดินเกมของนักลงทุนรายใหญ่, ปัจจัยมหภาค รวมถึงแนวโน้มเชิงเทคนิคที่สอดรับกัน

การที่บิตคอยน์เคลื่อนไหวไม่สอดคล้องกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้นักลงทุนต้องปรับมุมมองใหม่ต่อสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ แม้บิตคอยน์ยังจัดอยู่ในกลุ่ม *สินทรัพย์เสี่ยง* แต่ความสัมพันธ์กับวัฏจักรดอกเบี้ยนโยบายของเฟดเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้น หากเฟดยังคงลดดอกเบี้ยต่อไป นักวิเคราะห์ชี้ว่าผลกระทบต่อคริปโตอาจต่างจากหุ้น และผู้เล่นในตลาดควรจับตาท่าทีของนักลงทุนรายใหญ่และความเคลื่อนไหวภายในระบบนิเวศมากยิ่งขึ้น

*ความคิดเห็น:* การแยกตัวของบิตคอยน์จากตลาดหุ้นอาจสะท้อนถึงวุฒิภาวะของสินทรัพย์นี้ในฐานะการลงทุนในระบบที่แตกต่าง นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าพฤติกรรมเช่นนี้จะส่งเสริมการจัดพอร์ตแบบแยกกลยุทธ์ และลดการพึ่งพาตัวแปรมหภาคเพียงอย่างเดียว