Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

คริปโตดอทคอมชี้เงินเฟ้ออาจเป็นแรงส่งบทบาทใหม่ของบิตคอยน์(BTC) ในเศรษฐกิจโลก

คริปโตดอทคอมชี้เงินเฟ้ออาจเป็นแรงส่งบทบาทใหม่ของบิตคอยน์(BTC) ในเศรษฐกิจโลก / Tokenpost

แพลตฟอร์มคริปโตระดับโลกอย่างคริปโตดอทคอม(Crypto.com) เผยแพร่รายงานวิจัยล่าสุด วิเคราะห์ผลกระทบของ *เงินเฟ้อ* ต่อ *ตลาดคริปโต* ในมุมมองที่หลากหลาย โดยเสนอให้มีการ *ประเมินบทบาทของบิตคอยน์(BTC)* และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ใหม่ภายใต้บริบทนโยบายการเงินและเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน รายงานดังกล่าวตั้งข้อสังเกตว่า แม้บิตคอยน์จะได้รับฉายาเป็น ‘ทองคำดิจิทัล’ แต่ความ *ผันผวนของราคา* ระยะสั้นและความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ

จากรายงานระบุว่า ในภาวะเงินเฟ้อแบบดั้งเดิม มูลค่าของสกุลเงินหลักมีแนวโน้มลดลง ส่งผลให้ *ทรัพย์สินทางกายภาพ* อย่างทองคำหรือตลาดอสังหาริมทรัพย์กลายเป็นตัวเลือกเก็บมูลค่าทดแทน อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา *คริปโตเคอร์เรนซี* ได้กลายมาเป็นทางเลือกใหม่ โดยเฉพาะบิตคอยน์ ซึ่งมีการจำกัดปริมาณไว้ที่ 21 ล้านเหรียญ ถือเป็น *ทรัพย์สินหายาก* ที่หลายฝ่ายจับตาว่าอาจมีบทบาทในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ แต่โครงสร้างราคาที่แกว่งแรงก็ยังเป็นข้อจำกัดต่อการนำมาใช้ในระยะสั้น

คริปโตดอทคอมยังชี้ให้เห็นถึงอิทธิพลของ *นโยบายการเงิน* ต่อพฤติกรรมตลาดคริปโตด้วย กล่าวคือ เมื่อธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ นักลงทุนมีแนวโน้มหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ส่งผลให้แรงซื้อลดลง ในทางตรงกันข้าม การลดดอกเบี้ยหรือใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายช่วยกระตุ้น *สภาพคล่องในตลาด* และเป็นแรงขับเคลื่อนต่อการเติบโตของคริปโต ซึ่งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงในสหรัฐฯ ปี 2024 ก็ชี้ถึงโอกาสในการฟื้นตัวของสินทรัพย์ดิจิทัลได้เช่นกัน

หนึ่งในประเด็นน่าสนใจคือการใช้คริปโตในประเทศที่เผชิญ *เงินเฟ้อรุนแรง* เช่น เวเนซุเอลาและตุรกี ซึ่งประชาชนจำนวนมากเริ่มโอนสินทรัพย์ไปเก็บไว้ใน *บิตคอยน์หรือสเตเบิลคอยน์* เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินที่เสื่อมลง นอกจากนี้ สเตเบิลคอยน์และระบบการเงินแบบกระจายศูนย์(DeFi) ยังได้รับความนิยมมากขึ้นในฐานะ *โครงสร้างทดแทนทางการเงิน* ที่ช่วยให้รักษาความมั่นคงของมูลค่าและเข้าถึงสภาพคล่องในยามวิกฤต

ในอีกด้านหนึ่ง การเคลื่อนไหวของ *นักลงทุนสถาบัน* เริ่มมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ที่มีการไหลเข้าสู่กองทุน ETF ที่อ้างอิงบิตคอยน์ และพบว่าสินทรัพย์กว่า 25% ในกองทุนบางแห่งอยู่ในครอบครองของสถาบันการเงิน สะท้อนถึงการ ‘ยอมรับในระดับสถาบัน’ ที่เพิ่มขึ้นของบิตคอยน์ในแวดวงการลงทุนระดับมืออาชีพ ทั้งนี้ หลายบริษัทจดทะเบียนเริ่มจัดสรร *บิตคอยน์ไว้ในงบดุล* เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ซึ่งเน้นย้ำให้เห็นว่าบทบาทของคริปโตไม่ได้หยุดอยู่แค่เครื่องมือในการเก็งกำไร แต่กำลังพัฒนาสู่การเป็น *ทางเลือกแทนเงินตรา*

ขณะเดียวกัน โครงสร้างตลาดคริปโตก็กำลังอยู่ในช่วง *วิวัฒน์ทางเทคโนโลยี* ที่ผู้ใช้งานสามารถสร้างรายได้ผ่าน DeFi ที่มอบผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย ซึ่งอาจเป็นตัวเลือกใหม่ที่ไม่ต้องพึ่งพาระบบธนาคารแบบเดิมพร้อมกันนั้น การนำ *สเตเบิลคอยน์* และ *สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง(CBDC)* มาใช้ในเชิงระบบ กำลังเปิดช่องทางใหม่ให้กับนโยบายการเงินเชื่อมต่อกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

จากทุกปัจจัยไม่ว่าจะเป็น *เทคโนโลยี*, *นโยบาย*, หรือ *เศรษฐกิจมหภาค* ส่งผลให้นักลงทุนปัจจุบันมีความไวต่ออัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยอย่างเห็นได้ชัด แม้เงินเฟ้อจะเพิ่มระดับความผันผวนให้ตลาดในระยะสั้น แต่ในระยะยาวอาจกลายเป็น *แรงส่งสำคัญ* ที่ผลักดันบทบาทของคริปโตในการจัดพอร์ตการลงทุนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

โดยสรุป ความสัมพันธ์ระหว่าง *เงินเฟ้อกับตลาดคริปโต* ไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์แนวโน้มร่วม แต่เป็นโครงสร้างที่มีความซับซ้อนและอยู่ระหว่างการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง บิตคอยน์สามารถทำหน้าที่ป้องกันเงินเฟ้อได้ในบางระดับ แต่ไม่ใช่คำตอบครบถ้วน นักลงทุนยังจำเป็นต้องพิจารณา *กลยุทธ์จัดพอร์ตแบบองค์รวม* ควบคู่ไปกับการประเมินปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน คริปโตดอทคอมสรุปว่า การเปลี่ยนแปลงของระดับเงินเฟ้อในอนาคตอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางของตลาดคริปโตและพฤติกรรมของนักลงทุนทั่วโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1