บิตคอยน์(BTC) กำลังได้รับแรงหนุนใหม่ หลังจากกองทุนรวมดัชนีแบบซื้อขายในตลาด (ETF) บิตคอยน์มีเงินไหลเข้าสะสมต่อเนื่องเป็นเวลา 6 วัน ส่งผลให้มีเม็ดเงินรวมกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.78 แสนล้านบาท) เข้าสู่ตลาด ตามรายงานเมื่อวันที่ 6 ท่ามกลางบรรยากาศการคาดการณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐที่มี เจอโรม พาวเวลล์ เป็นประธาน ซึ่งสร้างความคาดหวังในหมู่นักลงทุนสถาบันต่อแนวโน้มราคาบิตคอยน์
ราคาบิตคอยน์ล่าสุดดีดตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดที่เคยทำไว้เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ระดับประมาณ 107,270 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.49 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นกว่า 9% อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวนี้เริ่มชะลอตัวบริเวณ 118,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.64 ล้านบาท) ซึ่งนักวิเคราะห์ชี้ว่า เป็น ‘ระดับแนวต้านหลัก’ ที่ยังไม่สามารถทะลุผ่านไปได้
นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังอย่าง ไมเคิล ฟาน เดอ ปอป(Michael van de Poppe) แสดงความเห็นผ่านแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิม Twitter) ว่า “หากบิตคอยน์สามารถทะลุแนวต้าน 117,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.63 ล้านบาท) ได้ ก็มีโอกาสเข้าสู่ ‘ช่วงราคาสูงสุดใหม่ตลอดกาล (ATH)’”
ข้อมูลตลาดเพิ่มเติมสะท้อนถึง ‘ความสนใจที่มั่นคงของนักลงทุนสถาบัน’ โดยในปี 2025 คาดว่าจำนวนบิตคอยน์ที่สถาบันถือไว้ ทั้งในรูปแบบ ETF และการถือครองโดยตรง จะเพิ่มขึ้นประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า หนุนให้เห็นถึงแนวโน้มความต้องการที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นของตลาด
สิ่งที่น่าจับตามองในขณะนี้ไม่ใช่แค่การปรับขึ้นของราคาในระยะสั้น แต่คือ *ทิศทางเงินทุนที่หลั่งไหลเข้าตลาดในระยะยาว* โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำธุรกรรมภายใต้ ETF ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย กำลังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่บิตคอยน์ในฐานะ ‘สินทรัพย์ทางเลือก’
แนวโน้มนี้ยังสอดคล้องกับท่าทีที่เป็นมิตรต่อคริปโตของ ทรัมป์ และการผลักดันนโยบายลดกฎเกณฑ์ของพรรครีพับลิกัน ซึ่งเปิดทางให้การลงทุนในตลาดคริปโตเติบโตได้มากขึ้นอีกด้วย
นักวิเคราะห์เตือนว่า ระดับ 118,000 ดอลลาร์นั้นจะเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายสำคัญต่อโครงสร้างตลาด หากไม่สามารถทะลุผ่านได้ ก็อาจเผชิญกับ ‘การปรับฐานในระยะสั้น’ อย่างไรก็ตาม หากมีแรงซื้ออย่างต่อเนื่องและความไม่แน่นอนทางนโยบายคลี่คลาย ตลาดบิตคอยน์ก็อาจเข้าสู่เฟสใหม่ของการเติบโตอย่างมั่นคง
ความคิดเห็น 0