ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดตลอดกาล ขณะที่บิตคอยน์(BTC)ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบ สะท้อนภาพความเคลื่อนไหวที่ขัดแย้งกันในตลาดการเงิน โดยแม้ทั้ง ‘ทอง’ และ ‘หุ้น’ จะปรับตัวขึ้นพร้อมกัน แต่บิตคอยน์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น ‘ทองคำดิจิทัล’ กลับแกว่งตัวในระดับประมาณ 115,000 ดอลลาร์ (ราว 16.08 ล้านบาท) สร้างความสงสัยให้กับนักลงทุนอย่างมาก
เจเอ มาร์ตุน(JA Maartunn) นักวิเคราะห์ตลาด เปิดเผยผ่าน X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่า ภาพการพุ่งขึ้นของทั้งสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ และสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นในเวลาเดียวกัน สะท้อนให้เห็นว่าตลาดยังมีความกังวล แต่อย่างไรก็ตามยังกล้าเปิดรับความเสี่ยง โดยทองคำทำราคาสูงสุดที่ 3,697 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 5.13 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นกว่า 37% เมื่อเทียบกับต้นปี และราคาของ ‘เงิน’ ก็พุ่งขึ้นถึง 41% ขณะที่ดัชนี S&P500 และแนสแด็กก็อยู่ในระดับใกล้จุดสูงสุดตลอดกาลเช่นกัน
สำหรับกรณีของบิตคอยน์ มาร์ตุนระบุว่า ปรากฏการณ์ ‘นิ่งเฉย’ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งความเสี่ยงสองทางเช่นนี้ เกิดจากแรง ‘ขายภายใน’ ของตลาดคริปโตเอง ไม่ใช่ปัจจัยจากภายนอก โดยข้อมูลชี้ว่าในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ผู้ถือครองระยะยาวได้เทขายบิตคอยน์ออกมาประมาณ 230,000 BTC ส่งผลให้ความต้องการใหม่ไม่สามารถดูดซับปริมาณขายนี้ได้เพียงพอ ส่งผลต่อการจำกัดแนวโน้มขาขึ้นของราคา
ณ ปัจจุบัน บิตคอยน์ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 115,852 ดอลลาร์ (ราว 16.08 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 3.4% ในรอบสัปดาห์ แต่ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดเมื่อเดือนสิงหาคมอยู่ราว 6.6% และลดลงอีก 0.5% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามมีสัญญาณเชิงบวกบางประการที่อาจบ่งชี้ว่าการพักฐานนี้อาจสิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้ เช่น การเกิด 'โกลเดน ครอส' บนกราฟดัชนี MACD รายวันของบิตคอยน์ ซึ่งถือเป็นสัญญาณหายาก ควบคู่กับค่า MVRV ที่ดูเหมือนจะสร้างฐานราคาที่ 107,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 14.87 ล้านบาท) ซึ่งในอดีตเคยนำไปสู่การดีดตัวเพิ่มขึ้น 30-40% ความคาดหวังดังกล่าว ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าราคาบิตคอยน์อาจทะยานแตะ 140,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 19.46 ล้านบาท) ได้ในรอบนี้
อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้งบิตเม็กซ์ แสดงความเห็นว่า ทิศทางบิตคอยน์รอบนี้จะขับเคลื่อนโดยการ ‘อัดฉีดสภาพคล่อง’ มากกว่าการเคลื่อนไหวตามวงจรเดิม และมองว่าแนวโน้มนี้อาจดำเนินไปจนถึงปี 2026 โดยเขายังคงเป้าหมายราคาระยะยาวที่ 250,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 34.75 ล้านบาท) พร้อมแนะนำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการตื่นตระหนกจากการผันผวนระยะสั้น
ท้ายที่สุด ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือน 'สวนทาง' ของบิตคอยน์เมื่อเทียบกับทุนทั่วโลก ไม่ได้สะท้อนภาพเศรษฐกิจมหภาคโดยตรง แต่เกิดจาก ‘การปรับโครงสร้างภายในของระบบนิเวศคริปโต’ ซึ่งยังไม่สามารถดึงดูดความต้องการใหม่ในระดับที่เพียงพอได้ ท่ามกลางภาวะดังกล่าว การลงทุนในสกุลเงินคริปโตขนาดใหญ่ที่สุดนี้จึงควรดำเนินไปอย่างระมัดระวัง
ความคิดเห็น 0