โรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและผู้สนับสนุน *บิตคอยน์(BTC)* ได้ปล่อยตัวอย่างสารคดีเรื่องใหม่ ‘Money Disrupted: End the Fed’ ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีโดยตรงต่อธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) โดยสารคดีดังกล่าวจะนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับ *เงินเฟ้อ, หนี้สาธารณะของประเทศ และอนาคตของดอลลาร์สหรัฐ* พร้อมแสดง *บิตคอยน์และเทคโนโลยีบล็อกเชน* เป็นทางเลือกใหม่ที่มีศักยภาพ
เมื่อวันที่ 24 คิโยซากิได้แชร์ตัวอย่างสารคดีนี้ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตน พร้อมข้อความท้าทายว่า “เฟดคงไม่อยากให้คุณดูวิดีโอนี้” จากเนื้อหาในตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าเขาร่วมอภิปรายกับผู้มีอิทธิพลทางการเงิน อาทิ ลาร์รี ฟิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของแบล็คร็อก, เจมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกน และวลาด เทเนฟ ซีอีโอของโรบินฮู้ด
ในคลิปยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่ประธานาธิบดีนิกสันยุติระบบเงินตราที่ผูกกับทองคำในปี 1971 มูลค่าของดอลลาร์สหรัฐลดลงเรื่อยมา พร้อมวิจารณ์ว่าการพิมพ์เงินอย่างต่อเนื่องของ *เฟดได้เร่งอัตราเงินเฟ้อ* ให้รุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังปี 2020 ที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีการพิมพ์เงินใหม่ออกมาถึงประมาณ 40% ของเงินทั้งหมดในระบบ
ในสารคดี คิโยซากิกล่าวว่า “สหรัฐกำลังเผชิญการล่มสลายของดอลลาร์อยู่แล้ว” และเสนอ *บิตคอยน์ในฐานะ ‘เงินที่แท้จริง’* พร้อมชี้ว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนและปัญญาประดิษฐ์คือหัวใจสำคัญของระบบการเงินใหม่ ในขณะเดียวกัน ลาร์รี ฟิงค์ก็ยอมรับว่าแม้เคยสงสัย *บิตคอยน์* แต่ตอนนี้กลายเป็น ‘แฟนพันธุ์แท้’ ส่วนเจมี ไดมอนยังคงมีมุมมองในแง่ลบต่อสกุลเงินดิจิทัล แต่ยอมรับในศักยภาพของ *บล็อกเชน*
สารคดีนี้มีแนวโน้มจะดึงความสนใจจากนักลงทุน *บิตคอยน์และบล็อกเชน* เป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่ใช่เพียงสารคดีการเงินทั่วไป แต่ยังเป็นการวิพากษ์ระบบการเงินดั้งเดิม ขณะที่เปิดมุมมองใหม่ต่อโครงสร้างเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี
สำหรับคิโยซากิ ผู้ที่ลงทุนอย่างสม่ำเสมอในทองคำ เงิน และ *บิตคอยน์* เคยคาดการณ์ว่า *ราคา BTC อาจแตะ 250,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.47 ล้านบาท)* ภายในสิ้นปี 2025 โดยเขาย้ำว่า “บิตคอยน์คือทางเลือกแท้จริงของเงินตราที่ใกล้ตาย และจะกลายเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในยุคใหม่”
ดังนั้น สารคดี 'Money Disrupted: End the Fed' อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับนักลงทุนที่สูญเสียความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจโลกภายใต้ระบบปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้ที่มองหาโอกาสใหม่ในโลก *คริปโต* และการเงินดิจิทัล
ความคิดเห็น 0