รัฐสภาสหรัฐเตรียมหารือ ‘แผนสำรองบิตคอยน์’ ตามแนวนโยบายของทรัมป์ พร้อมเชิญผู้นำวงการคริปโตร่วมโต๊ะเสวนา
เมื่อวันที่ 18 (เวลาท้องถิ่น) สื่อท้องถิ่นรายงานว่า รัฐสภาสหรัฐจะจัดการประชุมแบบปิดร่วมกับผู้นำในวงการคริปโต เพื่อหารือกรอบความร่วมมือทางนโยบายตามแผน ‘การสะสมบิตคอยน์(BTC) เป็นทุนสำรองแห่งชาติ’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ที่ผลักดันโดยประธานาธิบดีทรัมป์ โดยการประชุมรอบนี้จัดขึ้นโดยหอการค้าดิจิทัล (The Digital Chamber) และเครือข่ายดิจิทัลพาวเวอร์ (The Digital Power Network) เพื่อวางแนวทางความร่วมมือระหว่างภาคการเมืองและภาคอุตสาหกรรม
ผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ประกอบด้วยบุคคลสำคัญ เช่น ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ประธานไมโครสเตรทจี, ทอม ลี(Tom Lee) ซีอีโอของฟันด์สแตรท พร้อมดำรงตำแหน่งประธานของบิตไมน์ และเฟรด ธีล(Fred Thiel) ซีอีโอบริษัทมาราธอนดิจิทัลโฮลดิ้งส์(MARA)
ประเด็นสำคัญของการหารือมุ่งเน้นไปที่การขับเคลื่อนการสนับสนุนต่อร่างกฎหมาย ‘BITCOIN’ ที่วุฒิสมาชิกซินเธีย ลูมิส(Senator Cynthia Lummis) เสนอเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เนื้อหาของร่างกฎหมายฉบับนี้ มีเป้าหมายให้รัฐบาลกลางสหรัฐสะสมบิตคอยน์จำนวนกว่า 1 ล้านเหรียญภายในระยะเวลา 5 ปี เพื่อใช้เป็น 'สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ของประเทศ' โดยแผนซื้อนี้จะดำเนินการโดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) และกระทรวงการคลัง ภายใต้คำสั่งบริหารของทรัมป์ รวมถึงต้องดำเนินการบนหลัก ‘ความเป็นกลางด้านงบประมาณ’ หรือ budget-neutral
ร่างกฎหมาย BITCOIN ได้รับการมองว่าเป็นแนวทางแบบพรรคการเมืองร่วมมือกัน (bipartisan) ที่ให้ความสำคัญต่อบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ระดับชาติ ทั้งนี้ผู้จัดงานระบุว่า การประชุมครั้งนี้อาจกลายเป็นหมุดหมายถัดไปในแผนที่การออกกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐ ต่อจากความคืบหน้าของร่างกฎหมาย GENIUS ที่ครอบคลุมการกำกับดูแลของสเตเบิลคอยน์ ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ตัวแทนจากหอการค้าดิจิทัลกล่าวว่า “หากแผนบิตคอยน์ของรัฐบาลทรัมป์จะกลายเป็นกฎหมายที่เป็นรูปธรรม จำเป็นต้องมีความร่วมมือจากทั้งสภาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งเราจะหารือเรื่องนี้อย่างละเอียดในที่ประชุม”
*ความคิดเห็น* นักวิเคราะห์ในวงการต่างให้ความเห็นว่า แนวคิดของทรัมป์จะเปิดโอกาสให้สหรัฐยึดหัวหาดในการจัดสรรบิตคอยน์ในระดับโลก พร้อมชี้ว่าความเคลื่อนไหวนี้อาจกระตุ้นการแข่งขันสะสมสินทรัพย์ดิจิทัลระหว่างรัฐบาลของประเทศมหาอำนาจ และทำให้ ‘บิตคอยน์’ มีบทบาทคล้าย ‘ทองคำ’ ในฐานะทุนสำรองดิจิทัลในอนาคต
ความคิดเห็น 0