ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทด้านธุรกิจอัจฉริยะ สแตรทิจี(Strategy) ได้เดินหน้าซื้อ *บิตคอยน์(BTC)* เพิ่มอีกครั้งเพื่อเสริมพอร์ตการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยการซื้อครั้งล่าสุด ส่งผลให้จำนวนบิตคอยน์ที่บริษัทสะสมไว้เพิ่มเป็น 638,985 เหรียญ ซึ่งตีมูลค่าตามราคาตลาดปัจจุบันสูงถึง *ประมาณ 101.2 ล้านล้านวอน* หรือกว่า *76.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ* (*ราว 2.8 ล้านล้านบาท*)
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) เซย์เลอร์ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่า สแตรทิจีได้ซื้อ *บิตคอยน์จำนวน 525 เหรียญ* เพิ่มเติม ด้วยมูลค่ารวมราว *60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ* (*ประมาณ 834 พันล้านวอน*) คิดเป็นราคาเฉลี่ยต่อเหรียญอยู่ที่ 114,562 ดอลลาร์ (*ประมาณ 1.59 ล้านบาท*) ซึ่งใกล้เคียงกับระดับราคาสูงของตลาดในช่วงนี้
จากการซื้อครั้งล่าสุด สแตรทิจีจึงครองตำแหน่งบริษัทที่ถือครอง *บิตคอยน์* มากที่สุดในโลกในฐานะกิจการเอกชน โดยมีการประเมินว่ามูลค่าที่ถืออยู่เกิน *101 ล้านล้านวอน* หรือประมาณ *2.8 ล้านล้านบาท* ซึ่งเป็นปริมาณที่ส่งผลต่อสภาวะความเชื่อมั่นในตลาดคริปโตโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ
เซย์เลอร์ยังคงยืนหยัดในจุดยืนเดิม โดยชี้ว่า *บิตคอยน์* คือ "ทองคำดิจิทัล" และเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อในระยะยาว เขากล่าวหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ว่า "เงินสดกำลังหมดคุณค่า" พร้อมยืนยันว่าจะนำ *บิตคอยน์* มาเป็นหัวใจของนโยบายการเงินภายในองค์กรต่อไป
*ความคิดเห็น*: ท่าทีรุกคืบของสแตรทิจีในการสะสม *บิตคอยน์* ครั้งนี้สะท้อนการเปลี่ยนผ่านบทบาทของบริษัทจากเทคโนโลยีแบบเดิม สู่การเป็นองค์กรที่เน้นสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเด่นชัด ทั้งนี้ยังได้รับแรงหนุนจากกระแสบวกในด้านนโยบายของสหรัฐ โดยเฉพาะคำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เริ่มมีท่าทีสนับสนุนคริปโตมากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า จะเป็นปัจจัยกระตุ้นระยะกลางถึงยาวต่อทิศทางตลาดบิตคอยน์ในอนาคต
ความคิดเห็น 0