เฮสเตอร์ เพียร์ซ(Hester Peirce) กรรมาธิการของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐ(SEC) ปฏิเสธข่าวลืออย่างหนักแน่นเกี่ยวกับความร่วมมือกับโครงการคริปโตเคอร์เรนซีที่ชื่อว่า ‘OpenVPP’ หลังจากที่โครงการดังกล่าวเผยแพร่ภาพถ่ายร่วมกับเธอพร้อมคำอธิบายที่สื่อความหมายว่าเธอมีส่วนร่วมในโปรเจกต์โทเคนด้านพลังงาน ข่าวนี้สร้างความเข้าใจผิดในวงกว้างและนำไปสู่การโต้ตอบของเพียร์ซผ่านโซเชียลมีเดีย
ภาพถ่ายดังกล่าวแสดงให้เห็นเพียร์ซอยู่กับพารธ คาปาเดีย(Parth Kapadia) ผู้บริหารระดับสูงของ OpenVPP พร้อมข้อความโฆษณาที่สามารถตีความได้ว่าเป็นความร่วมมืออย่างเป็นทางการ ต่อมาเพียร์ซได้ปฏิเสธชัดเจนผ่านช่องทางของเธอ โดยระบุว่า “ขอยืนยันว่า ดิฉันไม่ได้ *ทำงานร่วมกับ* หรือ *ให้การสนับสนุน* โครงการหรือบริษัทคริปโตเอกชนใด ๆ” พร้อมเสริมว่า “การพบปะเพื่อหารือประเด็นเกี่ยวกับอุปสรรคด้านกฎระเบียบเป็นเรื่องที่เปิดรับเสมอ แต่ไม่ได้แปลว่าเป็น *ความร่วมมืออย่างเป็นทางการ* หรือ *การแสดงจุดยืนสนับสนุน* แต่อย่างใด”
เพียร์ซ ซึ่งรู้จักกันในวงการด้วยฉายาว่า ‘คริปโตมัม’ เป็นบุคคลระดับสูงใน SEC ที่มีท่าทีเปิดรับเทคโนโลยีคริปโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบันเธอกำลังผลักดันทีมงานเฉพาะกิจด้านคริปโตภายในหน่วยงานโดยมีเป้าหมายเพื่อเปิดช่องทางการสื่อสารกับโครงการขนาดเล็กที่มีพนักงานไม่เกิน 10 คน โดยจัดเวทีพูดคุยในหลายเมืองใหญ่ เช่น นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และแอตแลนตา เพื่อฟังเสียงจากผู้ประกอบการรายย่อย
แต่กรณีล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นถึง *ความเสี่ยงในการถูกบิดเบือนหรือใช้เพื่อการตลาด* โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะเมื่อการพบปะหรือการพูดคุยถูกนำเสนอในบริบทที่ทำให้ดูเหมือนเป็นการสนับสนุนอย่างเป็นทางการ นำไปสู่ข้อกังวลว่าควรมี *แนวทางการป้องกันการแอบอ้างหรือเข้าใจผิดในอนาคต*
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา SEC ได้แสดงให้เห็นถึงทิศทางใหม่ในการควบคุมโครงการคริปโต โดยพยายามใช้ ‘แนวทางจำแนกความเสี่ยง’ ที่คำนึงถึงทั้งนวัตกรรมและความปลอดภัย ขณะที่ทีมของเพียร์ซเน้นไปที่ *การสร้างสิ่งแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เอื้อต่อผู้พัฒนาและสตาร์ทอัพรายเล็ก* มากกว่าการบังคับใช้กับบริษัทรายใหญ่
แม้เหตุการณ์นี้จะจบลงด้วยการชี้แจงจากเพียร์ซ แต่ก็ทำให้เกิดคำถามใหม่เกี่ยวกับ *เส้นแบ่งระหว่างการรับฟังและการมีส่วนร่วม* ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและภาคเอกชนในวงการคริปโต โดยเฉพาะเมื่อคริปโตยังคงเป็นภาคเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่ต้องการความชัดเจนและ *หลักเกณฑ์การสื่อสารที่โปร่งใส* จากทั้งสองฝ่าย
ความคิดเห็น 0